นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (16 - 18 ก.ค. 68) ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงกดดันจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และเม็กซิโก ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 68 นี้ เป็นต้นไป
ด้านประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เตือนว่า การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่จะเรียกเก็บภาษี 30% สินค้าที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานระหว่างสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก พร้อมประกาศว่า EU จะตอบโต้ด้วยมาตรการที่เหมาะสมหากจำเป็น
ส่วนผู้นำบราซิลตอบโต้คำขู่ของ ทรัมป์ ที่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากบราซิล 50% โดยระบุว่า บราซิลสามารถอยู่รอดได้หากไม่มีการค้ากับสหรัฐฯ และจะมองหาคู่ค้ารายใหม่หากจำเป็น ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐฯ มองกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,150 - 1,190 จุด
ขณะที่ปัจจัยในประเทศทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินผลกระทบจากสงครามการค้า โดยเฉพาะธุรกิจ SME ของไทยซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 1 ใน 3 หรือประมาณ 35% ของ GDP กำลังเผชิญหลายปัจจัยกดดัน อาทิ สงครามการค้ารอบใหม่ และการแข่งขันกับสินค้านำเข้า ท่ามกลางตลาดในประเทศที่เติบโตต่ำส่งผลให้ยังเสี่ยงขาดทุนหรือปิดตัว
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นจากคะแนนเสียงฝ่ายรัฐบาลมากกว่าคะแนนเสียงฝ่ายค้านไม่มากนัก
วันที่ 16 ก.ค.
วันที่ 15 – 21 ก.ค.
สัปดาห์ที่ 4
วันที่ 31 ก.ค.
วันนี้ 16 ก.ค.
วันที่ 17 ก.ค.
วันที่ 29–30 ก.ค.
นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งหลังจากเปิดระบบลงทะเบียนใหม่อีกครั้งตั้งแต่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้แก่ AWC, MINT, ERW, CENTEL และ SHR
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังปธน.ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับประเทศที่ยังไม่บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ โดยเริ่มมีผลในวันที่ 1 ส.ค. 68 นี้
ทำให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อีกทั้งรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 17 - 18 มิ.ย. ชี้ว่ากรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ ยังคงเปิดโอกาสให้ประเทศคู่ค้าได้เจรจาการค้ากับสหรัฐ อีกทั้งสงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางมีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังอิสราเอลพร้อมทำข้อตกลงหยุดยิงถาวรในฉนวนกาซา
เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้จำกัด โดยสัปดาห์นี้แนะนำให้ติดตามการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด จึงมองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ 3,310 - 3,400 ดอลลาร์/ออนซ์ หากไม่ผ่านแนวต้านให้ชะลอการลงทุน