เฟดคงดอกเบี้ย 4.25-4.50% ตามคาด โบรกหวั่นเงินเฟ้อ-เศรษฐกิจชะลอตัว

19 มิ.ย. 2568 | 09:14 น.
อัปเดตล่าสุด :19 มิ.ย. 2568 | 09:14 น.

ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงดอกเบี้ย 4.25-4.50% ตามคาด โบรกชี้เสี่ยงเงินเฟ้อขยาย เศรษฐกิจโลกชะลอตัว กดดันตลาดหุ้นภูมิภาค แต่มีผลเพียงเล็กน้อยต่อ SET Index ที่ผลการเมืองร้อนแรงกว่า

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากกรณีการประกาศผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ออกมาคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ไม่ได้สร้างแรงตกใจเท่าไหร่นัก

เพียงแต่สิ่งที่น่ากังวลหลังจากนี้เป็นเรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 68 จะเติบโตชะลอตัวลง เป็นผลให้วันนี้ 19 มิ.ย.68 ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวลดลงไปในทิศทางเดียวกัน

และมองว่าด้วยปัจจัยทั้งภายนอกและภายในประเทศที่รุมเร้าเข้ามา จะทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อสายตาต่างประเทศยิ่งลดน้อยลง อีกทั้งในช่วงไตรมาส 2-3 เป็นโลวซีซันของอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ยิ่งเป็นผลให้โอกาสในการลงทุนของต่างชาติลดลง และมีโอกาสเห็นกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกมากขึ้นในระยะนี้
 
ขณะเดียวกันนักลงทุนไทยเองก็ไม่มีความมั่นใจที่จะใส่เงินลงทุนเพราะมองสถานการณ์ทางการเมืองไทยจากนี้ไม่ออก อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นมีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจลงไปอยู่ในระดับที่ 1,000 จุด ได้ จนกว่าสถานการณ์ทางการเมืองไทยจะมีความชัดเจน

"ถามว่าการคงดอกเบี้ยของ FED ในรอบนี้ที่ระดับ 4.25-4.50% มีผลต่อตลาดหุ้นไทยหรือไม่นั้น มองว่ามีบ้างซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับภูมิภาค แต่ปัจจัยหลักๆ ที่กดดันดัชนีให้ร่วงลงมาเฉียด 25 จุดในวันนี้ เป็นผลจากกางเมืองเป็นหลัก และคาดว่ามีโอกาสเห็น SET Index หลุดไปปริ่มๆ 1,000 จุด ได้ ในระยะสั้น"

คงดอกเบี้ย ไม่กระทบบอนด์-ตลาดหุ้น

บล. พาย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลประชุม FED คงดอกเบี้ยตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์กันไว้แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจพบว่าปรับลด GDP ปี 68 ลงมาเหลือขยายตัว 1.4% จากคาดการณ์เดิมที่ 1.7% และ 69 ปรับลงมาอยู่ที่ 1.6% จากเดิมที่ 1.8%

ด้านอัตราการว่างงานเฉลี่ยปีนี้ที่ 4.5% ปรับขึ้นจาก 4.4% พร้อมกับปรับเงินเฟ้อ (PCE) ขึ้นเป็น 3% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน จากเดิมที่ 2.7% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยที่ดอกเบี้ยปลายปี 68 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.9% (ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม) หรือบ่งชี้ว่าจะเกิดการลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ซึ่งอาจแบ่งออกเป็นลดดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% (2 ครั้ง)

CME FED Watch เชื่อว่า FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยในประชุมเดือน 9 และอีกครั้งในเดือน 12 ถ้อยแถลงจากท่านประธาน FED พบว่าในส่วนของการลดดอกเบี้ยนั้นอยากเห็นพัฒนาการของเงินเฟ้อที่มากกว่านี้ พร้อมยืนยันเศรษฐกิจสหรัฐฯยังแข็งแกร่งแต่ก็มีสัญญาณชะลอตัว การดำเนินนโยบายจากนี้ยังคงยึดหลักเน้นที่ข้อมูลเป็นหลัก

โดยรวมไม่มีผลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดตราสารหนี้ Dollar Index และตลาดหุ้น สะท้อนว่าผลประชุม FED ไม่ได้สร้างความประหลาดใจอะไรมากต่อตลาด

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญอาจมาจากในประเทศโดยเฉพาะปัจจัยการเมือง วานนี้ในโลก Online มีการกล่าวถึงกันค่อนข้างมากเกี่ยวกับคลิปเสียงและหลังจากนั้นในช่วงค่ำพรรคภูมิใจไทยก็ได้ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและรัฐมนตรีของภูมิใจไทยก็ได้ส่งใบลาออกต่อนายกรัฐมนตรี

สำหรับพรรคภูมิใจไทยนั้นถือเสียง ส.ส. ราว 69 เสียง ทำให้ฝั่งรัฐบาลจะเหลือ ส.ส. ในทีมเพียง 249 เสียง (ตัวเลขประมาณการ) ทำให้การดำเนินนโยบายต่างๆอาจเริ่มกระทำได้ยากมากขึ้นและหากจะพลักดันโครงการใหญ่ๆ อย่าง Entertainment Complex ก็อาจเป็นไปได้ยาก

จากนี้ทางเลือกของรัฐบาลสามารถแต่งตั้งรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ แต่ให้จับตาพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือจะตัดสินใจถอนตัวตามภูมิใจไทยหรือไม่ หากถอนตัวตามจะยิ่งทำให้เสียงรัฐบาลหรือเสถียรภาพสั่นคลอนมากขึ้น หรือรัฐบาลอาจตัดสินใจยุบสภาแล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ก็เป็นไปได้เช่นกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจจะเผชิญกับแรงกดดันเชิงลบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

FED ลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้

บล.ไอร่า ระบุว่า ทางฝ่ายค่อนข้างมีมุมมองเป็นกลางต่อผลการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ออกมาคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่ Dot-Plot บ่งชี้ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ เท่ากับประมาณการครั้งก่อนหน้า

แต่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า (69) เพียง 1 ครั้ง จากคาดาการณ์เดิมที่ 2 ครั้ง ประเมินมาจากคาดาการณ์เงินเฟ้อที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากผลกระทบของมาตรการทางการค้าของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกมา