จากกรณี บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC บริษัทรับเหมาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่นอกจากการก่อสร้างยืดเยื้อมากว่า 11 ปี อีกทั้งยังมีทั้งประเด็นเรื่องการบานปลายของงบประมาณ ที่ขยายออกไปจนถึง 22,987 ล้านบาท ปัญหาด้านความปลอดภัย รวมถึงการบริหารจัดการที่ขาดประสิทธิภาพ
หลังจากนั้นเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา ฝ่ายสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพิ่งตรวจรับงาน โครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ครบ 100% ไปแล้ว แต่กลับมีการของบประมาณปี 2569 อีก 2,800 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงรัฐสภานี้เพิ่มเติม จนถูกสาธารณชนกังขาหลายแง่มุม
ทั้งนี้ จากการตวรจสอบข้อมูล พบว่า STEC มี “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” อดีตรัฐมนตรี หลายสมัย เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บุตรชาย เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในช่วงปี 2535 -2547 ก่อนลาออกจากบริษัท
ปัจจุบัน STEC ได้ขอเพิกถอนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อปรับโครงสร้างหุ้น โดยโอนหุ้น 1 ต่อ 1 ไปยัง บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON ตั้งแต่ ต.ค. 2567 โดย STECON มีบริษัท ซี.ที.เวนเจอร์ จำกัด (บริษัทโฮลดิ้งของตระกูลชาญวีรกูล) ถือหุ้นใหญ่สุด 19.33%
พร้อมกันนี้ ยังพบว่า "มาศถวิน ชาญวีรกูล" ลูกชายคนที่สองของ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล มีสัดส่วนการถือหุ้นใน STECON จำนวน 25,457,142 หุ้น คิดเป็น 1.68% และ "อนิลรัตน์ นิติสาโรจน์" ถือหุ้น 72,124,242 หุ้น คิดเป็น 4.75% ซึ่งทั้ง 2 บุคคลดังกล่าวเป็นน้องชายและน้องสาว ของ "อนุทิน ชาญวีรกูล"
สำหรับ บริษัท ซี.ที.เวนเจอร์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2535 ทุนปัจจุบัน 5,361,000,000 บาท ตั้งอยู่ที่ 32/55 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ ลงทุนในธุรกิจอื่น มีกรรมการ 2 คนคือ "นัยน์ภัค ชาญวีรกูล" และ "เศรณี ชาญวีรกูล" บุตรสาวและบุตรชายของ “อนุทิน ชาญวีรกูล”
นำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ เม.ย. 2567 ปรากฏชื่อ เศรณี ชาญวีรกูล ถือ 50.0001% และนัยน์ภัค ชาญวีรกูล ถือ 49.9999% นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2566 สินทรัพย์รวม 2,743,243,066 บาท หนี้สินรวม 399,725,860 บาท รายได้รวม 220,709,064 บาท รายจ่ายรวม 45,901,431 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 5,668,953 บาท เสียภาษีเงินได้ 31,394,122 บาท กำไรสุทธิ 137,744,558 บาท
นอกจากนี้ บริษัท ซี.ที.เวนเจอร์ จำกัด ยังถือหุ้นในอีก 3 บริษัทใหญ่ ได้แก่
ในขณะที่ STEC หรือ ซิโน-ไทย (เดิม) ยังถือหุ้นอีก 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด 20%, บริษัท ไทย เมนเทนแนนซ์ คอนแทรคติ้ง จำกัด 19%, บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) 9% และบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 1.88%
ทางด้าน STECON หรือ ซิโน-ไทย (ใหม่) ถือหุ้นในบริษัทอื่นอย่างน้อย 1 แห่ง ได้แก่ บริษัท สเตคอน โลจิสติกส์ แอนด์ ทรานสปอร์เทชั่น จำกัด วัตถุประสงค์ ประกอบกิจการด้านโลจิสติกส์ จำนวน 99.98%
ในส่วนของ 2 จากการสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม “บุตรสาว-บุตรชาย” ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” พบว่า มีการถือหุ้นอีกหลายแห่ง แบ่งเป็น นัยน์ภัค ชาญวีรกูล ถือหุ้น 9 บริษัท และเศรณี ชาญวีรกูล ถือหุ้น 7 บริษัท และมีหุ้นในบริษัทที่ทั้ง 2 คนถือหุ้นร่วมกัน จำนวน 4 แห่ง ได้แก่
นัยน์ภัค ชาญวีรกูล ถือหุ้น 5 แห่ง ได้แก่
ส่วนเศรณี ชาญวีรกูล ถือหุ้น 3 แห่ง ได้แก่
ขณะที่ "อนิลรัตน์ นิติสาโรจน์" และ "มาศถวิน ชาญวีรกูล" น้องสาวและน้องชาย "อนุทิน" พบว่า ทั้ง 2 คนยังถือหุ้นเพิ่มเติมอีกหลายบริษัทเช่นกัน แบ่งเป็น อนิลรัตน์ นิติสาโรจน์ 10 บริษัท (เลิกกิจการ 1 แห่ง เสร็จชำระบัญชี 1 แห่ง) ประกอบด้วย
มาศถวิน ชาญวีรกูล ถือหุ้นในบริษัท 5 แห่ง ได้แก่
อีกทั้งก่อนหน้านี้ "มาศถวิล" เคยถือหุ้นในธุรกิจกัญชงกัญชา แต่เลิกกิจการ เสร็จชำระบัญชีไปแล้ว
ส่วน “นิติบุคคล” อื่นๆ ที่เข้าไปถือหุ้นใน STECON นอกเหนือจาก “ซี.ที.เวนเจอร์” ที่เป็นธุรกิจ “โฮลดิ้ง” ของบุตรสาว-บุตรชาย “อนุทิน” เช่น บริษัท พี.พี.โกลบอล เวลท์ จำกัด ถือ 5.08% พบว่ามี ปราณี พิริยะมาสกุล ถือหุ้นใหญ่สุด 99.98% โดยเธอปรากฏความสัมพันธ์กับ “อนุทิน” ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน กรณีกู้ยืมเงินกว่า 8.5 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัทอื่นอีกอย่างน้อย 7 แห่ง โดยบางส่วนเป็นธุรกิจในเครือ “ชาญวีรกูล” ได้แก่ บริษัท บียอนด์ แอสเส็ท 56 จำกัด, บริษัท พี.พี. โกลบอล เวลท์ จำกัด, บริษัท พีแอลเอ็ม เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด, บริษัท สยามกลอรี่ จำกัด, บริษัท สยามพรีมิส จำกัด, บริษัท เจริญคีรี จำกัด และบริษัท เนชั่นแนล ยูเนี่ยน จำกัด
บริษัท โกลเด้น เอร่า แคปิตอล จำกัด ถือ STECON สัดส่วน 4.22% พบว่ามี พัชรา จิรรัตน์สถิต ถือหุ้นใหญ่สุด 99.9933% โดยเธอคือภรรยาของ “จารุณัฐ จิรรัตน์สถิต” กรรมการบริหาร STECON Group และเคยถูกโปรโมตว่าเป็นผู้ “รับไม้ต่อ” บริหารกิจการ STECON Group คนต่อไป นอกจากนี้ พัชรา จิรรัตน์สถิต ยังถือหุ้นโดยตรง STECON จำนวน 1.1686%
บริษัท แอสเซท เลกาซี่ จำกัด ถือ 1.9430% พบว่ามี ณิศนาถ อนันตชัย ถือหุ้นใหญ่สุด 99.9980% โดยก่อนหน้านี้เธอเคยถือหุ้นโดยตรง STEC แต่ปัจจุบันมิได้เป็น 10 ผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว
ส่วนบริษัท อิควิตี้ พลัส จำกัด ถือ 3.20% และ บริษัท เบสท์ ควอลิตี้ สกิลส์ จำกัด ถือ 0.57% พบว่า 2 บริษัทดังกล่าวเป็นธุรกิจของ “เศรณี-นัยน์ภัค” บุตรชาย-บุตรสาวของ “อนุทิน” ถือหุ้นใหญ่คนละ 50%
ทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นคือ เครือข่าย “พอร์ตหุ้น” ของ STECON ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างร่างใหม่ของ STEC โดยยังไม่นับเหล่า กองทุนต่างประเทศที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัทแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม STECON ยังคงมีตระกูล “ชาญวีรกูล” ถือหุ้นใหญ่สุดผ่านเครือข่าย “บุตรชาย-บุตรสาว” ของ “อนุทิน” ถือหุ้นทั้งทางตรง และทางอ้อม (ผ่านบริษัทต่างๆ) รวมกันอย่างน้อย 23.1% (ซี.ที.เวนเจอร์ 19.33%, อิควิตี้ พลัส 3.20%, เบสท์ ควอลิตี้ สกิลส์ 0.57%) ส่วนน้อง 2 คนถือรวมกัน 6.43% (อนิลรัตน์ ถือ 4.75% มาศถวิน ถือ 1.68%)
อ้างอิงข้อมูล : กรุงเทพธุรกิจ