SPRC กำไรไตรมาส 1/68 วูบ 81.89% เหลือ 714 ล้าน หลังค่าการกลั่น-สต๊อกน้ำมันลด

มร. โรเบิร์ต โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 21 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 714 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 552 ล้านบาท หรือ 340.74% จากไตรมาสก่อนหน้าที่ทำได้ 5 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 162 ล้านบาท)

ปัจจัยหลักมาจากกำไรจากสต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แม้ว่าส่วนต่างราคาน้ำมันผลิตภัณฑ์เมื่อเทียบกับน้ำมันดิบดูไบจะปรับตัวลดลงก็ตาม ประกอบกับต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่นในไตรมาสที่ 1/68 อยู่ที่ 166,000 บาร์เรลต่อวัน หรือเทียบเท่ากับ 95% จาก 89% ในไตรมาส 4/67

แต่หากเทียบกำไรสุทธิของไตรมาส 1/68 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ปรับตัวลดลง 3,229 หรือ -81.89% จากที่เคยทำได้ถึง 3,943 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากค่าการกลั่นที่ลดลง กำไรจากสต๊อกน้ำมันที่ต่ำกว่าเดิม และไม่มีรายได้จากการเคลมประกันที่เป็นรายการเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ซึ่งได้มีการบันทึกไว้ในไตรมาส 1/67

สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นของกิจการ (enterprise margin) ในไตรมาสที่ 1/68 อยู่ที่ 5.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงจาก 6.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาสที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปที่อ่อนตัวลงซึ่งได้รับอิทธิพลจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ SPRC ยังมุ่งมั่นสร้างผลกำไรและยกระดับประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบผ่านโครงการปรับปรุงผลกำไร (Bottom Line Improvement Program - BLIP) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและการดำเนินงานโดยรวม

“SPRC อยู่ในจุดที่พร้อมจะขับเคลื่อนผลการดำเนินงานให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และมุ่งเน้นการเพิ่มผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพในห่วงโซ่คุณค่าของโรงกลั่น อีกทั้งกำลังศึกษาธุรกิจหมุนเวียนรูปแบบใหม่ (Circular Business) ควบคู่กับการนำกลยุทธ์ “Spot to Street” มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดจำหน่ายและสร้างมูลค่าสูงสุดจากผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง"

นอกจากนี้ SPRC ยังเดินหน้าหาโอกาสในการบูรณาการธุรกิจร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมโรงกลั่นและปิโตรเคมีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า และในด้านการบริหารจัดการเงินทุน บริษัทฯ ยังคงมุ่งแสวงหาแนวทางสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดแก่ผู้ถือหุ้น ผ่านแผนการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ประจำปี 69 (Turnaround & Inspection - T&I) และการพัฒนาในระยะยาวต่อไป