ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับฐานต่อ ชี้แนวรับทางเทคนิกลงลึก 1,150-1,160 จุด

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ 5 มี.ค.68 ว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง -0.9% มากกว่าเอเชียที่เฉลี่ย -0.2% แม้ไทยยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เหมือน แม็กซีโก แคนาดา และ จีน ที่เพิ่งตอบโต้ด้วยอัตรา 15% มีผล 10 มี.ค. และจำกัดส่งสินค้าไปบริษัทสหรัฐฯ 15 แห่ง

แต่ไทยก็อยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐฯ ที่สูง โดยปี 2024 สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าไทย 35,428 ล้านดอลลาร์ สูงเป็นอันดับ 12 โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยสัดส่วน 18.2% คิดเป็น 10% ของ GDP

ในประเทศมีเรื่องให้กังวลเพิ่ม คือ ตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือน ก.พ. ทำได้ 3.1 ล้านคน หด -6.9% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และพิจารณาที่นักท่องเที่ยวจีน เฉพาะ 2 เดือน (เนื่องจากตรุษจีนที่เหลื่อมกันเพื่อการเปรียบเทียบ) จะพบว่าปีนี้มาทั้งสิ้น 1.0 ล้านคน หดตัว -15.2%  เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 1.18 ล้านคน ดังนั้นเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ 38 ล้านคน +7.0%  เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ของสภาพัฒน์ฯจึงมีความเสี่ยง

การทำโลว์ใหม่ของ SET วานนี้ ทำให้แนวรับถัดไปลึกที่ 1,150 จุด (อีก 27 จุด) ทำให้ risk/reward ของสายเก็งกำไรไม่คุ้ม จึงไม่ต้องรีบเข้าเก็งกำไรจนกว่าจะมีประเด็นใหม่แรงๆ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฐ เริ่มชะลอการลงแล้วบริเวณ EMA200

ดังนั้น นักลงทุนระยะกลาง/ยาว เน้นเลือกสะสมหุ้นที่ 1.ผ่านวิกฤตไปแล้ว, 2.valuation ไม่แพง, 3.เป็นผู้นำในธุรกิจที่ไม่เป็นขาลง ทางฝ่ายเชื่อว่าหุ้น top pick ทั้ง 4 เป็นตัวเลือกที่ดี ทยอยสะสมได้บริเวณแนวรับสำคัญ

โดยหุ้นแนะนำประจำเดือน ได้แก่ BH CPALL JMT และ TLI วันนี้ติดตามเงินเฟ้อไทย ก.พ. คาด +1.1% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ย่อจาก ม.ค. +1.32% ยังเกาะกรอบล่างของเป้า ธปท. ภาคค่ำติดตาม ISM ภาคบริการสหรัฐ ตลาดคาดย่อเล็กน้อยสู่ 52.5 จุด

ปัจจัยที่ต้องจับตา

05 มี.ค. 68 

• CPI ของไทย
• การจ้างงานภาคเอกชนของ สหรัฐฯ
• ดัชนี ISM ภาคบริการของ สหรัฐฯ
• ดัชนี PMI ภาคบริการของ สหรัฐฯ & ยูโรโซน
• คำสั่งซื้อภาคโรงงานสหรัฐฯ
• ยอดซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ 
• PPI ของยูโรโซน
• Caixin PMI จีนภาคบริการ
• สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐฯ

หุ้นเด่นแนะนำ

JMT (ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 20.50 บาท)

• ปี 67 ที่ยากลำบากได้ผ่านไปแล้ว ผลการดำเนินงานรายไตรมาสมีพัฒนาการดีต่อเนื่อง ทั้ง ECL ในไตรมาส 4/67 ที่ลดเหลือเพียง -60 ล้านบาท จาก -127 ล้านบาท ใน ไตรมาส 3/67 ขณะที่ Cash collection ทำได้ 2.3 พัน ล้านบาท ฟื้นเป็นไตรมาสที่สอง +3.0% จากไตรมาสก่อน
• กนง.ลดดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนทางการเงิน ขณะที่ปัจจุบันซื้อขาย P/E25E 9.9 เท่า vs EPS growth +20.5% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ราคาหุ้นถูกเกินไป น่าสะสม