นางกอบกาญจนา วีระพงษ์ประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 68 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ไม่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่เคยทำได้ราว 10-15% โดยปัจจัยสนับสนุนหลักๆ เป็นผลมาจากการขยายการรับงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น
อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากกลุ่มผลิตภัณฑ์นวัตกรรม iBox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ครอบคลุมสำหรับโซลูชันการจัดการเอกสารแบบ ใช้งานผ่านชุดแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และโซลูชันเฉพาะสำหรับลูกค้า บริการหลักนี้เป็นตัวรองรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของลูกค้า
ด้วยการให้บริการแบบไร้รอยต่อในการโอนผ่านข้อมูลสำหรับทั้งการดำเนินงานภายในและการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานภายนอก ทำให้มีโอกาสที่ iBox จะได้รับงานจากลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับจากการพัฒนาฟีเจอร์ DOC2sign ของ iBox ซึ่งมีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับอากรแสตมป์อิเล็กทรอนิกส์ จะช่วยให้กระบวนการสัญญาเสร็จสิ้นได้เมื่ออยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ดี ด้วยปัจจัยดัลกล่าวยังทำให้ NETBAY กลายเป็นหนึ่งในห้าผู้ให้บริการภาษีอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงของประเทศไทยอีกด้วย
ปัจจุบันโครงสร้างรายได้หลักยังเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) สัดส่วน 90% อีก 10% เป็นประเภทนำเสนอบริการโปรเจ็กต์เฉพาะ และพัฒนาศักยภาพให้ลูกค้า โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจหลัก ประกอบกด้วย บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) หรือ DITTO, บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG, บริษัท บีบีจี เทคโนโลยี จำกัด (BBG), บริษัท ไซเท็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SITEM) และ บริษัท โสมาภา อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SOMAPA โดยพันธมิตรแต่ละรายมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถเกื้อหนุนธุรกิจกันได้อย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทยังดีลที่อยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจากับพันธมิตรทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งในแถบภูมิภาคเอเชีย และระดับอินเตอร์ อีกมากกว่า 10 ราย เพื่อหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจเดิมที่มี รวมถึงแตกไลน์ธุรกิจ หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในอนาคต
เบื้องต้นคาดว่าในปี 68 จะเห็นโครงการใหม่ที่ทำร่วมกับพันธมิตร อย่างน้อย 1 ดีล คือ ธุรกิจ Garage Lending แพลตฟอร์มช่วยให้อู่ซ่อมรถยนต์เข้าถึงแหล่งเงินกู้ โดยจะเป็นการจัดตั้งบริษัทใหม่ ร่วมกับพันธมิตรอีก 3 รายคือ DITTO ถือหุ้น 35%, BBG ถือหุ้น 35%, SITEM ถือหุ้น 20% โดย NEYBAY ถือหุ้น 10% ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 10 ล้านบาท
โดย Garage Lending เป็นระบบแพลตฟอร์มตรวจสอบเอกสารสิทธิเพื่อเพิ่มความสะดวกให้ทั้งฝั่งบริษัทประกัน ช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการ และทำให้อู่ซ่อมรถยนต์ได้รับเงินเร็วขึ้น ผ่านการสนับสนุนจากสถาบันการเงินหลากหลายรูปแบบ เบื้องต้นรายได้จะมาจากค่าธรรมเนียมบริการ และส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมจากสถาบันการเงิน คาดจะเริ่มให้บริการในไตรมาส 2-3/68
ในขณะเดียวกันยังมีแผนขยายความร่วมมือกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (กรมลดโลกร้อน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทร่วมกับ TEAMG เป็นที่ปรึกษาในการสร้างเครื่องมือและแพลตฟอร์มกลางการจัดเก็บฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย (เฟส 1) และจะการขยายความร่วมมือในเฟส 2 ต่อไป เช่นเดียวกับโครงการ Smart Zoo ที่จะมีการพัฒนาในเฟส 2-3
ในด้านการวางกลยุทธ์ในการเติบโตในปี 68 แบ่งเป็น 5 แกนหลัก ได้แก่
โดยธุรกิจของเคลาด์ ครีเอชั่นนั้น เป็นผู้ให้บริการระบบบริหารจัดการข้อมูล Gateway ระหว่างสถาบันการเงิน ผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 และสำนักงาน ปปง. เพื่อสนับสนุนการส่งรายงานธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นหลัก
ด้านธุรกิจของ บริษัท ฟินเน็ต เวนเจอร์ส จำกัด จะเน้นให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มแบบครบวงจรภายใต้แนวคิด “Enhance Business with Smart Compliance Solution” โดยใช้ชื่อแพลตฟอร์มว่า “Check+” ซึ่งเป็นการพัฒนา Feature ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากแพลตฟอร์ม CDD Gateway เพื่อให้บริการกับกลุ่มสถาบันการเงิน ผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16
รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการอื่นๆ ที่มีความต้องการนำ IT Compliance เข้าไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับการทำงานให้ดียิ่งขึ้น และรองรับการปฏิบัติตามกฎหมายที่ถูกต้อง โดยในปี 68 ฟินเน็ตจะเน้นขยายธุรกิจเพื่อให้บริการแพลตฟอร์มดังกล่าวไปยังผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ซึ่งได้แก่ กลุ่มสถาบันการเงิน รวมถึงในกลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
สำหรับภาพรวมในปี 67 นี้ บริษัทมีความมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน แบบตัวเลข 2 หลัก หรือไม่น้อยกว่า 10-15% ซึ่งอยู่ในระดับอัตรการเติบโตที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ทำได้ โดยในปี 66 บริษัทรายได้รวมอยู่ที่ 494.99 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 180.30 ล้านบาท