CPALL ชูยอดขาย 2 เดือนแรกสดใส อัดงบ 1.2 หมื่นล้าน ผุดสาขาใหม่
CPALL ส่งซิกยอดขายเดือนม.ค.-ก.พ.67 ขยายตัวดี หลังเศรษฐกิจฟื้นตัว เปิดประเทศท่องเที่ยว และ Easy e-Receipt หนุน วางเป้ายอดขายทั้งปี 67 เติบโตดีกว่า GDP ไทยแน่ อัดงบ 1.2 หมื่นล้าน ขยายสาขาใหม่ทั้งในและต่างประเทศเพิ่ม
นางสาวจิราพรรณ ทองตัน หัวหน้านักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายของร้านสะดวกซื้อ 7-ELEVEN ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ามีการขยายตัวที่ค่อนข้างดี เทียบได้กับไตรมาส 3 และ 4/2566
ปัจจัยหลักๆ เป็นผลมาจากการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การเปิดประเทศที่ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ โดยเฉพาะ Easy e-Receipt ที่สนับสนุนให้ผู้บริโภคมีการตัดสินใจซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภค และกลับมาใช้จ่ายในร้านค้าปลีกและค้าส่งเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าอัตราการเติบโตของรายได้ ส่วนใหญ่มาจากอัตราการเติบโตของยอดขายจากร้านสาขาใหม่ และอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม รวมถึงยอดขายจากช่องทางอื่นๆ อาทิ 7Delivery และ All Online ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อาทิ ระดับของอัตราเงินเฟ้อ ราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และ การขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ เป็นต้น
โดยบริษัทวางแผนที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขาต่อเนื่องไปตามการขยายตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แหล่งท่องเที่ยวและทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยบริษัทวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขาในปี 2567
และมีเป้าหมายที่จะเปิดร้านใหม่เพิ่มในประเทศกัมพูชา จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 82 สาขา และในสปป.ลาว ที่ปัจจุบันมีแล้ว 3 สาขา ในปีนี้ด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าขยายอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเน้นการพัฒนาระบบในการคัดสรรสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และผลักดันให้มีสัดส่วนของสินค้าที่กำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น ทั้งจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค
แผนการลงทุนในปี 2567 นั้น บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 12,000 –13,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ใช้รองรับการเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800 - 4,000 ล้านบาท รองรับการปรับปรุงร้านเดิม 2,900 - 3,500 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพและสร้างโครงการใหม่ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพบริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000 - 4,100 ล้านบาท ตลอดจนลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300 - 1,400 ล้านบาท