ลิเบอเรเตอร์ ผนึกกำลัง อเบอร์ดีน เสริมแกร่งช่องทางลงทุน

15 ก.พ. 2567 | 12:57 น.

บล.ลิเบอเรเตอร์ ผนึกกำลัง บลจ.อเบอร์ดีน อัพแกร่งเพิ่มช่องทางการลงทุน "วิจิตร อารยะพิศิษฐ" คาดไตรมาส 1/67 ดัชนี้แกว่งกรอบ 1350-1420 จุด และสิ้นปีมีลุ้นดัชนีดีดไปแตะ 1500 จุด ชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้นรับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้นตัว CPALL WHA JMT MASTER SPA COCOCO

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด เปิดเผยในงาน บลจ.อเบอร์ดีน ร่วมกับ บล.ลิเบอเรเตอร์ จัดงานสัมมนา abrdn x Liberator '2024 Global Economic Outlook - After the hikes’ ว่า ทางฝ่ายประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 1/2567 (ม.ค.-มี.ค.67) จะอยู่ในกรอบ 1350-1420 จุด และคาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้ดัชนี้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสขยับตัวขึ้นไปแตะที่ระดับ 1500 จุดได้

ภาพรวมบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปี 2567 นี้ มีกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 96.1 บาท/หุ้น โดยคาดการณ์ดังกล่าวได้ปรับเป้าลดลงจากปีก่อนที่เคยมองที่ระดับกว่า 100 บาท/หุ้น เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและโดยเฉพาะต่างประเทศยังไม่กลับมา แม้ว่าในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จะมีแรงซื้อของต่างชาติกลับมาให้เห็นบ้าง แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าตลาดหุ้นไทยอาจยังไม่ให้ผลตอบแทนที่เซ็กซี่พอจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาได้ในเวลานี้

หลักๆ เป็นผลมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยของภาครัฐที่มีออกมาก็ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่นัก ขณะเดียวกันตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้คาดประมาณ 3% ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเล็ทที่ภาครัฐพยายามผลักดันอยู่นั้น มองว่าหากทำได้จริงก็อาจจะเป็นเซอร์ไพรซ์ตลาด แต่จริงๆ แล้วนักลงทุนไม่ได้มีความคาดหวังต่อประเด็นดังกล่าวแล้ว หลังจากที่ซึมซับต่อความล่าช้าของการผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเลตไปแล้วก่อนหน้านี้

กลยุทธ์การลงทุนในระยะนี้ ทางฝ่ายแนะนำหุ้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่กลับมามีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ วัดได้จากยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามาในช่วง 2 เดือนแรกแตะ 2 ล้านคนแล้ว โดยคาดว่าทั้งปี 2567 ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยอาจแตะที่ระดับ 28-30 ล้านคนได้

ทั้งนี้ มองว่า CPALL มีความน่าสนใจ ทั้งด้วยคาดการณ์ผลประกอบการณ์ในไตรมาส 1/2567 ที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง การเป็นทั้งค้าปลีกและค้าส่งที่แข็งแกร่ง รับอานิสงส์การท่องเที่ยว การฟื้นตัวของการบริโภค อีกทั้งการปรับโครงสร้างภายในของ CPAXT คาดจะหนุนผลประกอบการในปี 2568 ได้มากขึ้นอีกด้วย โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 70 บาท

WHA ตอบรับภาพรวมธุรกิจที่เห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ปีก่อน และสัญญาณเทคนิคเริ่มฟื้น แม้ว่าผลประกอบการดีไม่เท่ากับปี 2566 เพราะฐานสูง แต่คาดภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจช่วย รวมถึงการเดินหน้าสานความสัมพันธ์อันดีกับหลายประเทศจะเข้ามาช่วยหนุนธุรกิจและการเคลื่อนย้ายฐานการลงทุน ราคาเป้าหมาย 5.80 บาท

JMT คาดปี 2567 นี้ เศรษฐกิจเริ่มฟื้น มีโอกาสที่บริษัทสามารถจัดเก็บหนี้ได้เพิ่มมากขึ้น เพราะลูกหนี้กลับมามีรายได้มากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ในช่วงที่เศรษฐกิจแย่ก่อนหน้านี้ก็เป็นโอกาสที่บริษัทได้เข้าซื้อหนี้เพิ่มในช่วงราคาถูก ทางฝ่ายประเมินราคาเป้าหมาย 39 บาท

MASTER คาดผลงานไตรมาส 4/2566 จะทำจุดสูงสุด มองว่าความต้องการเสริมความงามยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ปีก่อนบริษัทปิดดีลร่วมทุนกว่า 10 ดีล ทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง ทำให้ในปีนี้จะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวและรับรู้ผลจากการลงทุนในปีก่อน ราคาเป้าหมาย 81 บาท

SPA รับภาคการท่องเที่ยวฟื้น ซึ่งนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคาดกำไรไตรมาส 4/2566 ทำจุดสูงสุดใหม่ ราคาเป้าหมาย 15.80 บาท และ COCOCO ที่มองว่าการเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงที่ผ่านมา อาจเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าเริ่มมีลูกค้าเข้ามาได้เพิ่มมากขึ้น ราคาเป้าหมาย 10.70 บาท

นายโรเบิร์ต เพนนาโลซา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2567 คาดหวังมูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวม (AUM) จะเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 10-20% จากปีก่อน ที่มีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยวางแผนการเติบโตจากรุกวางแผนการลงทุนหรือวิธีการเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้ดีมากขึ้นแก่นักลงทุน ซึ่งจากนี้ บลจ. ยังคงมองหาพาร์ทเนอร์อื่นๆ ที่มีแนวทางหรือมุมมองการลงทุนคล้ายๆ กันเพิ่มเติม ทั้งนี้ ล่าสุด บลจ.อเบอร์ดีน ได้จับมือกับพาร์เนอร์ บล.ลิเบอเรเตอร์ เพื่อเพิ่มช่องทางการลงทุน

นางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ. อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้คาดเติบโตได้ประมาณ 3% ซึ่งการเติบโตของ เศรษฐกิจมาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนนี้จะสนับสนุนการเติบโตจีดีพีประมาณครึ่งหนึ่ง 2.กลุ่มการแพทย์และความงาม ซึ่งประเทศไทยมีจุดเด่นดังกล่าว 3.การบริโภคทั้งอาหารและเครื่องดื่ม และ4.นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาไทยเพื่อเป็นฐานการลงทุน และประโยชน์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI) ซึ่งการลงทุนหุ้นไทยยังสนใจกลุ่ม Small-Mid Cap เช่น CENTEL, MOSHI, SISB และ MEGA