โบรกชี้บาทอ่อนฉุดฟันด์โฟลว์ไหลออก คาดเงินบาทไม่วิกฤติทะลุ 37 บาท

09 ก.พ. 2567 | 08:42 น.

โบรกมองกระแสเงินทุนต่างชาติ เข้ามาระยะสั้น และเป็นการโยกเงินมาจากตลาดตราสารหนี้ มองในความผันผวนของตลาดหุ้น ยังเก็งกำไรหุ้นได้ แนะนำหุ้นเด่น กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่ม Bond Yield และปันผลดี ชู AOT GULF INTUCH SPALI ออร่าจับ

นางสาวชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุนและปัจจัยทางเทคนิค บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แม้ว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะมีทยอยกลับมาบ้างในช่วง 4 วันทำการแรกของเดือนก.พ.67 มูลค่ารวมราว 6,000-7,000 ล้านบาท แต่หากเทียบกับนับตั้งแต่เปิดปี 67 มา ต่างชาติขายสุทธิไปแล้วมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท และทั้งปี 66 รวมกว่า 1.9-2 แสนล้านบาท

ก่อนที่จะกลับมาทยอยขายสุทธิอีกครั้ง โดยมองว่าเป็นการเข้ามาในระยะสั้นๆ เหมือนเป็นลักษณะของการโยกเงินจากการขายในตลาดตราสารหนี้ ต้องยอมรับว่าในตอนนี้ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีแรงดึงดูดจากปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาช่วยหนุน ต้องรอดูต่อไปว่าสเต็ปของการออกงบผลการดำเนินงาน บจ. จะดีได้มากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าเม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาจะเป็นการ ซื้อๆ ขายๆ เช่นนี้ไป

ปัจจัยกระทบต่อการเข้ามาของกระแสเงินทุนในขณะนี้ มองว่าแรงฉุดสำคัญมาจากการอ่อนค่าของเงินบาท ประเมินไว้ที่ระดับ 35.78 บาท หากยังไม่มีปัจจัยใหม่มาหนุนก้คาดว่าอาจทะลุไปที่แนวต้านถัดไป 36.15 บาท หรือไม่น่าทะลุไปเกิน 37 บาท และเชื่อว่าสถานการณ์ไม่ได้ดูแย่เท่าเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งที่บาทอ่อนตัวลงไปมากกว่า 37-45 บาท 

กลยุทธ์การลงทุนในช่วงระหว่างวันที่ 12-16 กุมภาพันธ์ 2567 มองว่ากลุ่มที่ดูมีความน่าสนใจมากที่สุดในตอนนี้คงเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว เนื่องจากนับตั้งแต่ต้นปี 2567 มาจนถึงปัจจุบัน ตัวเลขนักท่องเที่ยวมีการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ หลักๆ มาจากมาตรการฟรีวีซ่าของภาครัฐให้กับหลายประเทศ และให้ฟรีวีซ่าถาวรระหว่างไทย-จีน ทำให้กลุ่มที่ได้รับอานิสงส์โดยตรง คือ กลุ่มการบิน กลุ่มโรงแรม

ทางฝ่ายค่อนข้างชอบ AOT เพราะคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/66 จะมีการเติบโตที่ดี และต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1/67 ทั้งนี้ ปัจจุบันราคา AOT เบรคเอ้าท์ไฮเดิมที่ระดับ 64.25 บาท โดยที่ผ่านมา 2 วัน ราคาหุ้นมีพักสลับย่อลงมาบ้าง มองว่าเป็นโอกาสในการเก็งกำไร ทางฝ่ายประเมินเชิงเทคนิกไว้ โดยกรอบราคาหุ้น AOT ไว้ที่แนวรับระดับ 63-64 บาท และแนวต้านที่ระดับ 66-67 บาท

กลุ่มหุ้นที่ได้รับอานิสงส์ Bond Yield มีทิศทางเป็นขาลง ซึ่งส่งอานิสงส์เชิงบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า อีกทั้งเริ่มเห็นสัญญาณการกลับมาเก็งกำไรในช่วง 6-8 ก.พ.67 ทั้งนี้ ทางฝ่ายค่อนข้างชอบ GULF เพราะคาดการณ์ว่างบผลประกอบการที่กำลังจะประกาศออกมานั้นจะออกมาดี ทั้งเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของพลังงานลม ในช่วงไตรมาส 4/66

อีกทั้ง ในสภาวะตลาดที่ค่อนข้างมีความผันผวนขึ้นมาในช่วงระหว่างวันที่ 5-8 ก.พ.67 หลักๆ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาช่วยผลักดันตลาดให้ไปต่อได้ และไม่สามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1400 จุดไปได้ จึงมองว่าอีกกลุ่มที่มีความน่าสนใจในการลงทุนในสภาวะตลาดเช่นนี้ คือ กลุ่มหุ้นที่ให้ปันผลดี โดยแนะนำ INTUCH ที่ผ่สนมาราคาหุ้นพยายามสร้างฐานที่ 46 บาท หากผ่านไปได้ก็สามารถไปลุ้นต่อที่ 47 บาท

และอีกตัวทีทางฝ่ายชอบ คือ SPALI เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอตลอดช่วงเวลา 5-10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเฉลี่ยมากกว่า 5% ประกอบกับคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/66 จะออกมาดี เพราะมีการเปิดโครงการใหม่หลายโครงการ และมีโปรเจ็กต์ใหญ่ที่มียอดการโอนกรรมสิทธิ์เข้ามาค่อนข้างดีเป็นแรงหนุน

รวมถึงมองเห็นภาพการฟื้นตัวที่ดีอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 1/67 เพราะมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่อีกกว่า 14 โปรเจ็กต์ ทั้งนี้ คาดการณ์ปันผลในปี 66 ไว้ที่ 1.2 บาท และปี 67 ค่ดจะอยู่ที่ประมาณ 1.26 บาท ประเมินราคาหุ้นในเชิงเทคนิกไว้ 20 บาท และหากหลุดไปได้อาจไปชนที่ 20.4 บาท