หลังตัวเลขจ้างงานเอกชนและเงินเฟ้อพื้นฐานต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลง ขณะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ปรับขึ้นและทองคำอ่อนตัวจากแรงขายทำกำไร ท่ามกลางความผันผวน แนะผู้ลงทุนจัดพอร์ตตามกลยุทธ์ Barbell พร้อมกระจายไปยังสินทรัพย์ทางเลือก
ทีมกลยุทธ์การลงทุน ธนาคารกรุงไทย (Krungthai Chief Investment Office) วิเคราะห์ตลาดและการลงทุนรายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 8-12 ธันวาคม 2568 ว่า นักลงทุนจับตาการประชุม Fed ที่จะเผยแพร่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย (Dot Plot) ใหม่
โดยคงมุมมองว่า Fed จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยและคง Dot Plot เหมือนเดือนกันยายน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังเผชิญความเสี่ยง หาก Dot Plot ส่งสัญญาณเข้มงวดขึ้นกดดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงและผลักดันบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ขึ้นได้
ด้านญี่ปุ่น การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 18-19 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ อยู่ในความสนใจหลัง BOJ ส่งสัญญาณพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยจาก 0.50% เป็น 0.75% ท่าทีเข้มงวดมาจากเงินเฟ้อพื้นฐานในโตเกียวสูงและค่าเงินเยนอ่อน
Krungthai CIO คาด BOJ อาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากความผันผวนตลาดการเงินและบอนด์ยีลด์ระยะยาวที่ปรับขึ้น ซึ่งอาจกระทบเสถียรภาพตลาด
หนึ่งในประเด็นที่นักลงทุนกังวลคือความเสี่ยง “Unwind Carry Trade” การเทขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อปิดสถานะกู้เงินเยน อาจทำให้เงินเยนแข็งค่ารุนแรงเหมือนกลางปี 2024
อย่างไรก็ดี Krungthai CIO ประเมินโอกาสเกิดซ้ำมีจำกัด เพราะปัจจุบันปัจจัยต่างๆ สะท้อนความเสี่ยง Unwind รุนแรงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ คือ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน Krungthai CIO แนะนำกลยุทธ์ “Barbell” (จัดพอร์ตแบบสมดุลสองด้าน) รับมือการหมุนเวียนเม็ดเงินลงทุนทั้งสองทิศทาง โดยเน้นหุ้นเติบโตกลุ่มเทคโนโลยีที่ยังได้แรงหนุนจากเมกะเทรนด์ AI ควบคู่หุ้น Defensive อย่าง Healthcare ที่มีกำไรมั่นคงและมูลค่าโดดเด่น
รวมถึงมองบวกต่อหุ้นเกาหลีใต้จากวัฏจักรขาขึ้นของชิปหน่วยความจำ การลงทุนในตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดีย และหุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปที่ได้รับประโยชน์จากสิ้นสุด รอบลดดอกเบี้ยของ ECB นักลงทุนควรสร้าง Core Portfolio ผ่านกองทุน KTWC พร้อมกระจายลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ และ REIT ไทย
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,156 วันที่ 11 - 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568