กูรูชี้ทองยังแรงไม่หยุด ลุ้นเฟดลดดอกเบี้ย หนุนเทสต์ 66,000 บาท

04 ธ.ค. 2568 | 23:30 น.

โบรกชี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวเชิงบวก รับความเชื่อมั่นตลาดสูงถึง 89% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้านกลยุทธ์แนะรอย่อซื้อ 63,500-63,000 บาท

KEY

POINTS

  • นักวิเคราะห์มองราคาทองคำยังคงเป็นทิศทางขาขึ้น โดยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 66,000 บาท หากสามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญได้
  • ปัจจัยหนุนหลักมาจากความคาดหวังสูงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลง
  • ความเชื่อมั่นในตลาดเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ว่าประธานเฟดคนใหม่อาจดำเนินนโยบายลดดอกเบี้ย ประกอบกับแรงซื้อจากธนาคารกลาง และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ภาพรวมราคาทองคำสัปดาห์นี้ (5-7 ธ.ค. 68) ยังเคลื่อนไหวในเชิงบวก โดยราคายังสามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญที่บริเวณ 4,155 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อย่างมั่นคง หรือคิดเป็นทองไทยที่ประมาณ 63,260 บาท (อิงอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 4 ธ.ค. ที่ 32.03 บาท)

หากระดับดังกล่าวยังถูกประคองไว้และมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ราคาทองคำมีโอกาสขยับขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 4,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ซึ่งเทียบเป็นราคาทองไทยประมาณ 64,800 บาท และ 66,000 บาท 

ดังนั้น จึงแนะนำกลยุทธ์รอย่อซื้อ ที่บริเวณแนวรับ 4,200 / 4,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทยประมาณ 63,500 / 63,000 บาท

ทั้งนี้ หากราคาทองคำอ่อนตัวแต่ไม่หลุดต่ำกว่า 4,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทยราว 62,800 บาท ยังถือว่าโครงสร้างภาพรวมเป็นขาขึ้น ขณะเดียวกัน หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ย ก็จะยิ่งช่วยหนุนให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับแรงหนุนที่สำคัญ ภายใต้ปัจจัยความคาดหวังต่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยถึงการได้ตัดสินใจเลือกผู้ที่จะเสนอชื่อเป็นประธานเฟดคนใหม่แล้ว และคาดหวังว่าผู้ที่ถูกเลือกจะดำเนินนโยบายลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดทองคำ

โดยมีชื่อของนาย Kevin Hassett ที่ปรึกษาเศรษฐกิจใกล้ชิดทรัมป์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวเต็งที่จะเข้ารับตำแหน่ง ต่อจากนาย Jerome Powell ซึ่งปัจจัยดังกล่างจึงช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในเชิงบวกต่อทองคำและสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ

ตลาดกำลังประเมินโอกาสเฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยช่วง ธ.ค.นี้ ซึ่งล่าสุด FedWatch Tool ประเมินความเป็นไปได้สูงถึงประมาณ 89% เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มอ่อนแรงลง ทั้งภาคแรงงาน การใช้จ่ายผู้บริโภค และความเชื่อมั่น ทำให้สนับสนุนแนวคิดที่ว่า เฟดอาจต้องลดดอกเบี้ยเพื่อประคองเศรษฐกิจ และความคาดหวังดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงหนุน ทำให้ราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญได้อย่างแข็งแกร่ง

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก Goldman Sachs ได้ตอกย้ำมุมมองเชิงบวกของตลาดต่อทองคำ โดยกว่า 70% ของนักลงทุนสถาบันทั่วโลกมองว่า ทองคำยังคงอยู่ในรอบขาขึ้น และมองเป้าหมายระยะยาวในโซน 4,500 - 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือสูงกว่า

โดยแรงหนุนสำคัญมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ การเข้าซื้อของธนาคารกลาง, การอ่อนค่าของดอลลาร์, ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์, และความต้องการกระจายความเสี่ยงจากหุ้นและคริปโต ดังนั้นมุมมองดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าในปัจจุบันทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ควรถือมากกว่าควรขาย