KEY
POINTS
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (5 ธ.ค.) หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดยังคงหนุนความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.5%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.31% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.91% โดยดัชนีทั้งสามตัวปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นมากกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนส.ค. ซึ่งทั้งสองตัวเลขนั้นสอดคล้องกับการคาดการณ์
ส่วนรายงานจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นในช่วงต้นเดือนธ.ค. อยู่ที่ 53.3 สูงกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 52
ตลาดกำลังประเมินความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเฟดเดือนนี้ที่ 87.2% ตามเครื่องมือ CME FedWatch แม้คาดว่าจะมีผู้คัดค้านจำนวนมากเนื่องจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่ยังสูง
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า นักลงทุนกำลังจับตาผลการประชุมของเฟดในวันพุธหน้า ซึ่งปัจจุบันมีความเป็นไปได้สูงที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% และหลังการประชุม คำถามคือพวกเขาจะสื่อสารอย่างไรเกี่ยวกับนโยบายในอนาคต
หุ้น Warner Bros Discovery พุ่งขึ้น 6.3% หลัง Netflix ตกลงซื้อธุรกิจทีวี สตูดิโอภาพยนตร์ และสตรีมมิงของ Warner Bros ด้วยมูลค่า 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปิดสงครามการประมูลที่กินเวลาหลายสัปดาห์
หุ้น Netflix ปิดร่วงลง 2.9% ส่วนหุ้น Paramount Skydance หนึ่งในผู้ประมูลรายอื่น ร่วงลง 9.8%
หุ้นกลุ่มบริการสื่อสารเป็นกลุ่มที่ทำผลงานดีที่สุดใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 โดยปรับตัวขึ้นเกือบ 1% และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ของ S&P500 ลดลง หลังที่ปรึกษาวัคซีนกลุ่มหนึ่งยกเลิกคำแนะนำเดิมที่ให้เด็กทุกคนในสหรัฐฯ รับวัคซีนตับอักเสบบีตั้งแต่แรกเกิด