ฟิทช์ เรทติ้งส์ แจงหั่นแนวโน้มเครดิตไทย สะท้อนความเสี่ยงการคลังเพิ่ม

01 ต.ค. 2568 | 12:03 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ต.ค. 2568 | 13:11 น.

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ชี้แจงการหั่นแนวโน้มเครดิตไทย จาก “มีเสถียรภาพ” (Stable) เป็น “เชิงลบ” (Negative) สะท้อนความเสี่ยงการคลังเพิ่ม เศรษฐกิจโลกชะลอกดดันส่งออก-ท่องเที่ยวฟื้นช้า

KEY

POINTS

  • ฟิทช์ เรทติ้งส์ ชี้เเจ้งการปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของไทยจาก "มีเสถียรภาพ" เป็น "เชิงลบ" แต่ยังคงอันดับเครดิตสากลไว้ที่ BBB+
  • การปรับลดสะท้อนความเสี่ยงทางการคลังที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีสาเหตุจากความไม่แน่นอนของนโยบายที่ยืดเยื้อ อุปสงค์โลกที่ชะลอตัว และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่ล่าช้า
  • ฟิทช์ระบุว่ากันชนทางการคลังของไทยได้ถูกกัดกร่อนลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าฐานะการเงินต่างประเทศจะยังคงเป็นจุดแข็ง

นายโธมัส รูคมาเคอร์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มจัดอันดับเครดิตประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากฟิทช์ เรทติ้งส์ ฮ่องกง กล่าวถึง ความเสี่ยงระดับโลกและแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชีย รวมถึงประเทศไทย โดยระบุว่าฟิทช์คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.4% ในปี 2025 จาก 2.9% ในปีก่อนหน้า

ท่ามกลางสัญญาณการชะลอตัวของสหรัฐฯ ความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ บ่งชี้ถึงแรงต้านสำหรับเอเชียส่วนใหญ่ซึ่งการส่งออกเป็นกลไกการเติบโตสำคัญ การส่งออกของจีนยังคงทรงตัวได้ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางบางส่วนไปยังตลาดอื่น

การเติบโตที่ชะลอลงยังส่งผลให้การรวมบัญชีการคลังล่าช้า ตัวอย่างเช่น ความไม่พอใจของสาธารณชนที่ก่อให้เกิดการประท้วงเกี่ยวกับธรรมาภิบาลและแรงกดดันด้านค่าครองชีพ

การปรับมุมมองอันดับเครดิตประเทศไทยล่าสุดของฟิทช์จาก “มีเสถียรภาพ” (Stable) เป็น “เชิงลบ” (Negative) ในระดับ BBB+ สะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อการคลังของประเทศจากความไม่แน่นอนทางนโยบายที่ยืดเยื้อ ผนวกกับอุปสงค์โลกที่ชะลอตัว

การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่ล่าช้า และการลดหนี้ครัวเรือน กันชนทางการคลังของไทยได้ถูกกัดกร่อนลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้รัฐบาลยังสามารถจัดหาเงินทุนสำหรับการขาดดุลได้ด้วยต้นทุนต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และฐานะการเงินต่างประเทศยังคงเป็นจุดแข็ง

ด้าน นายพาสันติ์ สิงหะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสถาบันการเงินของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ระบุว่าแนวโน้มของภาคธนาคารไทย กำไรและคุณภาพสินทรัพย์ของภาคส่วนนี้อยู่ในทิศทางถดถอย หนี้เสียเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ฟิทช์คาดว่าการดำเนินงานของธนาคารจะยังคงเผชิญความท้าทายในปี 2026 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ การเติบโตของสินเชื่อต่ำ และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการรองรับความเสี่ยง (Loss absorption buffers) เช่น อัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ และฐานะเงินกองทุน (Core capital) ของภาคธนาคารยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับธนาคารในภูมิภาคและเกณฑ์มาตรฐานของฟิทช์  และเป็นปัจจัยสนับสนุนโครงสร้างเครดิตที่พิจารณาจากฐานะการเงินของตัวธนาคารเอง (Standalone alone credit profile) แม้อันดับเครดิตสากลของประเทศไทยมีแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ

ที่มา