“วิทัย” เผยผลสำเร็จ 5 ปี พลิกบทบาท “ออมสิน” ช่วยคนแตะ 19 ล้านบัญชี

11 ก.ค. 2568 | 08:57 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.ค. 2568 | 10:29 น.

“วิทัย รัตนากร” เผยผลสำเร็จ 5 ปี พลิกบทบาทออมสินสู่ “ธนาคารเพื่อสังคม” ช่วยคนไทยกว่า 18.8 ล้านบัญชีฝั่งแบงก์โตแกร่ง ทำกำไรนำส่งเงินเข้ารัฐแล้วกว่า 9.6 หมื่นล้าน

KEY

POINTS

  • ธนาคารออมสินปรับบทบาทเป็น “ธนาคารเพื่อสังคม” ตลอด 5 ปี ช่วยเหลือประชาชนกว่า 13 ล้านคน ผ่าน 18.8 ล้านบัญชี
  • สร้างโอกาสให้คนไทยเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้กว่า 7.5 ล้านราย หรือ 10.4 ล้านบัญชี คิดเป็นวงเงิน 1.4 ล้านล้านบาท
  • ช่วยเหลือลูกหนี้ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินจำนวน 6.4 ล้านราย ครอบคลุม 8.5 ล้านบัญชี
  • แม้จะมุ่งเน้นภารกิจเพื่อสังคม แต่ธนาคารยังคงมีความแข็งแกร่งทางการเงิน และนำส่งเงินเข้ารัฐกว่า 96,000 ล้านบาทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยความสำเร็จการนำองค์กร และผลการดำเนินงานธนาคารออมสิน ในรอบระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2563 ที่ได้ริเริ่มปรับจุดยืนทางยุทธศาสตร์ พลิกบทบาทธนาคารมาเป็น “ธนาคารเพื่อสังคม” โดยการทำธุรกิจธนาคารปกติเพื่อนำกำไรเชิงพาณิชย์ มาใช้สนับสนุนการทำภารกิจเชิงสังคม และขับเคลื่อนภารกิจหลัก 4 ด้านของธนาคาร ได้แก่ 

  1. การสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนในระบบสถาบันการเงิน
  2. การแก้ไขปัญหาหนี้สิน
  3. บทบาทงานพัฒนาสังคมและชุมชน
  4. การสนับสนุนนโยบายรัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน

"อันถือเป็นหน้าที่ของสถาบันการเงินของรัฐตามกฎหมาย โดยผลงานที่ผ่านมา ธนาคารได้สร้าง Social Impact เกิดผลกระทบเชิงบวก สามารถช่วยเหลือคนไทยจำนวนกว่า 13 ล้านคน จากจำนวนบัญชีทั้งสิ้น 18.8 ล้านบัญชี คิดเป็นเม็ดเงิน 1.4 ล้านล้านบาท"

วางเป้าสร้าง Social Impact ไม่น้อยกว่า 2 ล้านราย/ปี

โดยหลังจากนี้ธนาคารตั้งเป้าสร้าง Social Impact ให้ได้ไม่น้อยกว่า 2 ล้านรายต่อปี และแม้ว่าธนาคารจะปรับจุดยืนทางยุทธศาสตร์เป็นธนาคารเพื่อสังคม ช่วยคนฐานรากได้มากขึ้น แต่สถานะทางการเงินยังเติบโตแข็งแกร่ง ไม่เกิดความเสียหายแก่องค์กร โดยธนาคารออมสินยังสามารถนำส่งเงินกำไรให้เป็นงบประมาณกับรัฐบาล ได้มากกว่า 96,000 ล้านบาท ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา นับเป็นรัฐวิสาหกิจที่ส่งเงินให้รัฐสูงสุดหนึ่งในสามลำดับแรก

ช่วยฐานรากเข้าถึงสินเชื่อ 10 ล้านบัญชี

สำหรับภารกิจที่สร้าง Impact โดดเด่น คือ การสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนในระบบสถาบันการเงิน (Financial Inclusion) โดยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างทางการเงินและสร้างนวัตกรรมการเงินเพื่อสังคม ช่วยคนไทยกลุ่มฐานรากให้เข้าถึงสินเชื่อในระบบแล้ว เป็นจำนวนกว่า 7.5 ล้านราย หรือ 10.4 ล้านบัญชี คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 1.4 ล้านล้านบาท ผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น 

  • สินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ ที่มีผู้ได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้วกว่า 340,000  ราย วงเงินกว่า 6,000 ล้านบาท 
  • การริเริ่มโครงการสินเชื่อสร้างเครดิตสร้างโอกาส เพื่อกลุ่ม Unserved/Underserved 
  • การเปิดบริษัท เงินดีดี จำกัด เพื่อขยายโอกาสการปล่อยสินเชื่อแก่กลุ่มฐานรากได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ยังทำภารกิจที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดการแข่งขันสมบูรณ์ในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนมอเตอร์ไซค์ เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างดอกเบี้ยในตลาดนี้ ช่วยให้ลูกค้ากลุ่มฐานรากได้เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำด้วยต้นทุนที่เป็นธรรม ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยตลาดจำนำทะเบียนลดลงเหลือ 16-18% โดยมาตรการดังที่กล่าวมาเป็นเพียงบางส่วนของภารกิจสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา 

“วิทัย” เผยผลสำเร็จ 5 ปี พลิกบทบาท “ออมสิน” ช่วยคนแตะ 19 ล้านบัญชี

แก้หนี้ประชาชน 8.5 ล้านบัญชี

ด้านการแก้ไขปัญหาหนี้สิน นับตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน ธนาคารสามารถช่วยเหลือบรรเทาภาระหนี้ และป้องกันไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียประวัติทางการเงิน จำนวนลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือ 6.4 ล้านราย เป็นจำนวน 8.5 ล้านบัญชี ผ่านโครงการแก้หนี้เชิงรุก อาทิ 

  • การปลดหนี้ลูกหนี้รายย่อยสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบในช่วงโควิด รวมแล้วกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท 
  • การแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา 
  • มาตรการ Re-finance เพื่อสังคม 
  • การชะลอการดำเนินคดีตามกฎหมายกับลูกหนี้สถานะ NPLs ผ่านมาตรการ 4 ไม่ การพักหนี้ ลด/ไม่คิดดอกเบี้ย 
  • การขับเคลื่อนมาตรการคุณสู้ เราช่วย ได้มากถึง 190,000 ราย หรือ 300,000 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 33 ของผู้มีสิทธิ์ที่ลงทะเบียนทั้งระบบ 
  • ตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด หรือ Ari-AMC เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ด้อยคุณภาพ 

“ทั้งหมดนี้เพื่อฟื้นเสถียรภาพทางการเงิน และคืนความสามารถในการดำรงชีวิตให้ประชาชน โดยประคับประคองไม่ให้ลูกหนี้เสียวินัยการเงินด้วย”

พัฒนาศักยภาพชุมชน-สังคม 1 ล้านราย

ภารกิจสำคัญอีกด้านที่ประสบความสำเร็จชัดเจน คือ ด้านการพัฒนายกระดับศักยภาพชุมชนและสังคม ที่มีผู้ได้รับประโยชน์แล้วกว่า 1.07 ล้านราย ผ่านโครงการพัฒนาต่าง ๆ อาทิ

  • โครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-Based Development)
  • โครงการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการรายย่อยและองค์กรชุมชน
  • รวมถึงเดินหน้าภารกิจส่งเสริมทักษะความรู้ทางการเงินและการออม ผ่านการออกแบบผลิตภัณฑ์ส่งเสริมการออมต่อเนื่องและการออมระยะยาวสำหรับกลุ่มเป้าหมายหลากหลาย
  • การใช้เครื่องมือให้ความรู้ใหม่ ๆ เช่น แอปพลิเคชันโค้ชออม เป็นต้น

สร้างความสามารถในการแข่งขันแบงก์ออมสิน

ความสำเร็จอีกด้านที่สำคัญ คือ การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาวของธนาคารออมสิน เพื่อเป้าหมายความสำเร็จในการขยายผลสร้าง Social Impact ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยธนาคารได้ริเริ่มการบริหารจัดการรูปแบบกลุ่มธุรกิจ จัดตั้ง 4 บริษัทย่อยทำธุรกิจ 4 ด้าน ได้แก่ 

  1. บริษัท เงินดีดี จำกัด ขยายผลการเข้าถึงสินเชื่อของรายย่อย/กลุ่มฐานราก
  2. บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ขยายการเข้าถึงสินเชื่อ SMEs
  3. บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด เพื่อแก้ปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพ
  4. บริษัท จีเอสบี ไอที แมเนจเมนท์ จำกัด เพื่อยกระดับศักยภาพ Digital & AI สนับสนุนภารกิจธนาคารออมสิน 

“ปัจจุบัน ธนาคารออมสินเป็นรัฐวิสาหกิจกลุ่ม 6 ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง รับผิดชอบขับเคลื่อนทุกบทบาทภารกิจของธนาคารเพื่อสังคมทั้ง 4 บทบาท โดยที่ผลการดำเนินงานด้านการเงินของธนาคารมีความมั่นคงแข็งแกร่ง มีสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝากเติบโตอย่างต่อเนื่อง” 

สถานะแบงก์แกร่ง เงินสำรอง 1.3 แสนล้าน

สำหรับปัจจุบันมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ในระดับสูง ที่ระดับ 18.83 และมีเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั่วไป (General Provision) ที่เติบโตจาก 4 พันล้านบาท ในปี 2562 สูงขึ้นเป็น 7.3 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน โดยเงินสำรองรวมสูงแตะระดับ 1.3 แสนล้านบาท สะท้อนความมั่นคงแข็งแกร่งของธนาคาร ขณะที่ยังคงสามารถนำส่งกำไรกลับเป็นรายได้เข้าแผ่นดิน (เงินนำส่งคลัง) ได้สูงเป็นลำดับที่ 3 หรือกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท ในปี 2567