ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 30ธ.ค.ที่ระดับ 31.41 บาทต่อดอลลาร์

30 ธ.ค. 2568 | 11:26 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ธ.ค. 2568 | 11:36 น.

ค่าเงินบาทฟื้นตัวกลับมาในช่วงบ่ายก่อนปิดตลาดในประเทศตามการฟื้นตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก เงินดอลลาร์ขาดแรงหนุน ในสัปดาห์แรกของ69 ระหว่าง 5-9 ม.ค. ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 31.00-31.60 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 30ธ.ค.ที่ระดับ 31.41 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 31.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอย่างผันผวน โดยอ่อนค่าลงในช่วงเช้าแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 31.67 บาทต่อดอลลาร์ฯ แต่ก็ฟื้นตัวกลับมาในช่วงบ่ายก่อนปิดตลาดในประเทศตามการฟื้นตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก

ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนเนื่องจากตลาดกลับมารอติดตามบันทึกการประชุมเฟดที่จะเปิดเผยออกมาในคืนนี้อย่างใกล้ชิด สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 49 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows  เข้าตลาดพันธบัตรไทย 171 ล้านบาท 

ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 30 ธันวาคม 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -21.68 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -17.69 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์ทำการแรกของปี 2569 (5-9 ม.ค. 69) ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 31.00-31.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ การเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นและมุมมองต่อเงินเฟ้อของผู้บริโภค (เบื้องต้น) สำหรับเดือนม.ค. 2569 ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนธ.ค. 2568

ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย.-ต.ค.  2568 และข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนธ.ค. ของญี่ปุ่น จีน ยูโรโซน และอังกฤษ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของยูโรโซนด้วยเช่นกัน