ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 26ธ.ค.ที่ระดับ 31.05 บาทต่อดอลลาร์

26 ธ.ค. 2568 | 11:37 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ธ.ค. 2568 | 11:54 น.

ค่าเงินบาทยังคงมีทิศทางแข็งค่า แม้ในวันนี้ ธปท. ออกหนังสือเวียนให้ 5แบงก์ตรวจสอบธุรกรรมเงินตราต่างประเทศคุมบาทแข็ง -กรอบการเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้า 29 ธ.ค. 68-2 ม.ค. 69ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 30.90-31.20 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 26ธ.ค.ที่ระดับ  31.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 31.09 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาท ปรับตัวในกรอบแคบๆ ท่ามกลางธุรกรรมที่เบาบาง เนื่องจากตลาดต่างประเทศปิดทำการในช่วงเทศกาลคริสต์มาส

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทยังคงมีทิศทางแข็งค่าซึ่งยังคงสอดคล้องกับทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก แม้ในวันนี้ (26 ธ.ค.) ธปท. ออกหนังสือเวียน เรื่อง การซักซ้อมวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศกับลูกค้า โดยขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 5 แห่ง ในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานการรับซื้อหรือรับฝากเงินตราต่างประเทศที่มาจากต่างประเทศของลูกค้าที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ (Resident)

โดยเฉพาะ 1. กรณีเงินตราต่างประเทศที่ไม่เกี่ยวกับค่าทองคำและธนบัตรเงินตราต่างประเทศที่มีจำนวนตั้งแต่ 2 แสนดอลลาร์ฯ หรือเทียบเท่า 2. กรณีเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวกับค่าทองคำทุกจำนวนรายธุรกรรม และ 3.กรณีธนบัตรเงินตราต่างประเทศที่มีจำนวนเงินตั้งแต่ 15,000 ดอลลาร์ฯ หรือเทียบเท่า

สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,124.30 ล้านบาท แต่ขายสุทธิพันธบัตรไทย 28 ล้านบาท

ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 26 ธันวาคม 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -21.98 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -18.12 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)

กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (29 ธ.ค. 2568-2 ม.ค. 2569) ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 30.90-31.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ขณะที่ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนพ.ย. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ การเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค. และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 9-10 ธ.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค. ของจีน ญี่ปุ่น และยูโรโซนด้วยเช่นกัน