ค่าเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่งที่ 31.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ (นับตั้งแต่ 22 มิ.ย. 2564) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 31.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับหลายสกุลเงินในเอเชียท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ จากการที่ตลาดปรับตัวรับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในปีหน้า ประกอบกับเงินบาทน่าจะมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก
สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,279 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 12,561 ล้านบาท
ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 12 ธันวาคม 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -21.48 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -17.73 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 15-19ธ.ค.2568 ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 31.40-32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (17 ธ.ค.) ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก ปัจจัยการเมืองในประเทศ
รวมถึงสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. ดัชนี PMI และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นสำหรับเดือนธ.ค.
รวมถึงตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOE (18 ธ.ค.), ECB (18 ธค), และ BOJ (18-19 ธ.ค.) ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของยูโรโซน และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน อาทิ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรและอัตราการว่างงาน