ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิด 3 ผลกระทบด้านการเงินไทย-กัมพูชา

24 มิ.ย. 2568 | 07:43 น.
อัปเดตล่าสุด :24 มิ.ย. 2568 | 11:40 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินความเชื่อมโยงภาคการเงินไทย-กัมพูชา 3 ด้าน ชี้การโอนเงินและชำระเงินยังเป็นปกติ ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์กัมพูชาและภาคธนาคารยังมีสัดส่้วนน้อย ผลกระทบสามารถบริหารจัดการได้

นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัยศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า กรณีปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชาที่หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนยังอยู่ระหว่างติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดนั้น

นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัยศูนย์วิจัยกสิกรไท

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ทำการรวบรวม ประเมินผลเบื้องต้น และมีมุมมองต่อประเด็นที่ภาคการเงินของไทยมีความเชื่อมโยงกับกัมพูชาใน 3 มิติ โดย

  • มิติการโอนเงินและชำาระเงิน

หากเป็นการโอนเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบโอนเงินดิจิทัลระหว่างไทยกับกัมพูชายังดำาเนินการได้ต่อเนื่อง 

 

ขณะที่ การปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับธุรกรรมด้านการค้าระหว่างไทย-กัมพูชาสามารถทำผ่านเครื่องมือปกติได้ เนื่องจากเกือบทั้ง 100% ของธุรกรรมด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยกับกัมพูชาอยู่ในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท (ไม่ใช่สกุลเงินเรียลของกัมพูชา)

ข้อมูล ณ ไตรมาสที่ 1/2568 สัดส่วนธุรกรรมการรับชำระค่าสินค้าส่งออกของไทย (จากคู่ค้าในกัมพูชา) อยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท ประมาณ 68.6% และ 31.3% ของมูลค่าสินค้าส่งออกไทยไปกัมพูชา ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิด 3 ผลกระทบด้านการเงินไทย-กัมพูชา

ขณะที่สัดส่วนธุรกรรมการชำระค่าสินค้า นำเข้าของไทย (กับคู่ค้าในกัมพูชา) อยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท 49.3% และ 49.8% ของมูลค่าสินค้าเข้าจากกัมพูชา 

อย่างไรก็ดี การปิดความเสี่ยงจาก FX เป็นเพียงการจำกัดผลกระทบบางส่วน เพราะคงต้องยอมรับว่า ยังมีประเด็นข้อกังวลด้านอื่นของภาคธุรกิจที่่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงหลังจากนี้

เช่น ความคล่องตัวของการทำธุรกรรมเงินสด ตลอดจนผลกระทบด้านการค้า/กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อยู่บริเวณชายแดน และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากคู่ค้าและธุรกิจที่ประกอบกิจการในฝั่งกัมพูชา 

  • มิติการลงทุนในสินทรัพย์กัมพูชา

ผู้ลงทุน (ประกอบด้วย ผู้ลงทุนรายย่อยที่ลงทุนผ่านตัวแทนการลงทุนและกองทุนรวม ไม่นับรวมกองทุนส่วนบุคคล) ในตราสารการเงินกัมพูชาในปัจจุบัน มีเพียงกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนผ่านตัวแทน

ขณะที่ยอดคงค้างการลงทุนทั้งหมดเป็นการลงทุนในตราสารทุน ซึ่งได้ทยอยปรับตัวลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ล่าสุด ณ เม.ย. 2568 มียอดคงค้างอยู่ที่ 0.42 ล้านดอลลาร์ฯ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.003% ของยอดการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศของรายย่อยทั้งหมดโดยรวม เป็นที่น่าสังเกตว่า กองทุนรวมในไทยไม่มีการลงทุนในตราสารการเงินกัมพูชา

ดังนั้น จากข้อมูลเบื้องต้น ความเชื่อมโยงโดยตรงของการลงทุนรายย่อยและกองทุนรวมต่อสินทรัพย์การเงินของกัมพูชา น่าจะมีค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ตลาดอื่น ๆที่เป็นที่นิยมมากกว่า เช่น สหรัฐฯ ลักเซมเบิร์ก จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ตามลำดับ

  • มิติภาคการธนาคาร

ในปัจจุบัน ธนาคารพาณิชย์ของไทยมีการเข้าไปให้บริการทางการเงินในกัมพูชาในรูปแบบของการตั้งสาขาหรือให้บริการผ่านบริษัทการเงินในเครือที่ตนเองถือหุ้น เช่น บริการชำระเงิน-โอนเงินดิจิทัลข้ามประเทศ บริการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด บริการด้านเงินฝาก และสินเชื่อเพื่อสนับสนุนธุรกิจและรายย่อย

อย่างไรก็ดี หากมองในมิติของ Exposure ในกัมพูชาของธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง พบว่า ยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการดำเนินงานในประเทศไทย โดยขนาดสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝากในกัมพูชา มีสัดส่วนประมาณ 0.41%, 0.42% และ 0.26% เมื่อเทียบกับยอดคงค้างทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ในไทยตามลำดับ 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิด 3 ผลกระทบด้านการเงินไทย-กัมพูชา

ในเบื้องต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า พัฒนาการของความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชายังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่่อง โดยข้อกังวลส่วนใหญ่จะเป็นประเด็นในเรื่องธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการค้าและกิจกรรมทางเศรษฐกิจบริเวณแนวชายแดน

อย่างไรก็ดีผลกระทบต่อภาคธนาคารของไทยจะอยู่ในขอบเขตที่สามารถบริหารจัดการได้ ทั้งนี้้ เนื่องจากขนาด Exposure ในด้านต่างๆ ในกัมพูชาของธนาคารพาณิชย์ไทยยัง มีสัดส่วนไม่สูง ซึ่งสะท้อน 2 ภาพสำคัญ คือ

1. ในการออกไปให้บริการทางการเงินในต่างประเทศ ธนาคารพาณิชย์จะใช้กลยุทธ์การดำเนินงานที่่ระมัดระวังอยู่แล้ว โดยคำนึงถึง ความพร้อมของทรัพยากรด้านการเงิน และกำหนดขอบเขตการให้บริการทางการเงินเฉพาะ ในด้านที่มีความถนัด และสอดคล้องกับความเชื่่อมโยงของการค้า การลงทุน และพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

2. ธนาคารพาณิชย์มีการติดตามและประเมินสถานการณ์ รวมถึงบริหารจัดการความเสี่ยงในธุรกิจต่างประเทศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ดังนั้น จึงทำให้มั่นใจว่า ธนาคารพาณิชย์ไทยสามารถดูแลควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้้นจากการดำเนินธุรกิจในกัมพูชานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

อ่านต้นฉบับ