เงินบาทแข็งค่าแตะ 35.19 บาทต่อดอลลาร์ฯ (แข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง นับตั้งแต่กลางเดือนส.ค. 65) ก่อนจะกลับมาปิดตลาดที่ระดับ 35.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.43 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาททยอยแข็งค่าทั้งในช่วงก่อนและหลังการประชุมกนง. ซึ่งมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอีก 0.25% ไปที่ 1.25% นอกจากนี้ทิศทางการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชียในภาพรวม (ท่ามกลางความหวังว่า ทางการจีนจะทยอยผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิดในระยะข้างหน้า)
รวมถึงทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติ (ซึ่งซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยวันนี้ 4,389.45 ล้านบาท และ 334 ล้านบาท) ก็เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติมของเงินบาทด้วยเช่นกัน ในคืนนี้ ตลาดรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดเพื่อประเมินสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยของสหรัฐฯ
ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 โดยธปท. อยู่ที่ -34.00 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -30.18 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ คาดไว้ที่ 35.10-35.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามน่าจะยังอยู่ที่สถานการณ์ของจีน และทิศทางฟันด์โฟลว์
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตเดือนพ.ย. อัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index และข้อมูลรายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนต.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตาม PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. ของจีน ยูโรโซนและอังกฤษด้วยเช่นกัน