ธนาคารกสิกรไทยมองสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 7-11กุมภาพันธ์ 2565 กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.70-33.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (9 ก.พ.) ทิศทางเงินทุนของต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อจากมุมผู้บริโภคเดือนก.พ. (เบื้องต้น) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคบริการและข้อมูลยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนเดือนม.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (4 ก.พ.) เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.96 เทียบกับระดับ 33.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (28 ม.ค.)
สำหรับ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (บล.) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,650 และ 1,630 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,685 และ 1,700 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (9 ก.พ.) สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 4/64 ของบจ.ไทย
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลนำเข้า/ส่งออกเดือนธ.ค. 64 ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. 65 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ข้อมูล PMI ภาคบริการเดือนม.ค. ของจีน และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนม.ค. ของญี่ปุ่น โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,674.22 จุด เพิ่มขึ้น 2.12% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 65,938.28 ล้านบาท ลดลง 21.26% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 4.91% มาปิดที่ 650.01 จุด