ธนชาต มั่นใจ ไม่เสียแชมป์สินเชื่อรถยนต์

ปี 2563 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ยากลำบากสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หลังจากตลาดเริ่มส่งสัญญาณยอดขายลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมปีก่อน ทำให้ปี 2562 ปิดยอดขายที่ 1,007,552 ล้านคัน ลดลง 3.3% ขณะที่ภาพรวมการส่งออกสินค้ายานยนต์และส่วนประกอบปี 2562 ของกระทรวงพาณิชย์พบว่ามีมูลค่า 35,351 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 5.95% ซึ่งปัจจัยเหล่านี้กระทบต่อความต้องการสินเชื่อรถยนต์ด้วย

นายป้อมเพชร รสานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารธนชาตในฐานะผู้นำสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) สินเชื่อรถยนต์กว่า 30% และมีมาร์เก็ตแชร์รถใหม่ที่ 17% สะท้อนปัจจัยบวกและลบที่จะมีผลต่อการเติบโตของสินเชื่อรถยนต์ปี 2563 กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เป็นไปในทิศทางเดียวกับสภาวะตลาดคือ ชะลอตัวถึงทรงตัว ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเศรษกิจ โดยรวมที่ยังมีความไม่แน่นอน ทั้งจากการแพร่ระบาดของไวรัส หรือภัยแล้ง และความล่าช้าของพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ทำให้ลูกค้าอาจเลื่อนหรือยังไม่ตัดสินใจ      

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมสินเชื่อรถยนต์ปีนี้ น่าจะเป็นทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม โดยปี 2562 ยอดสินเชื่อคงค้างของธนชาตเติบโต 8% และคาดการณ์ว่ายอดสินเชื่อรถยนต์คงค้างของธนาคารจะเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ประมาณ 6% และยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้  โดยโอกาสการเติบโตปีนี้น่าจะอยู่ที่ รถแลกเงิน ซึ่งมาจาก 2 ปัจจัยคือ ภาวะเศรษฐกิจที่ลูกค้าน่าจะมีความต้องการเสริมความแข็งแรงด้านเงินทุนมากขึ้น ซึ่งธนาคารพร้อมส่งเสริมการให้สินเชื่อ เพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้า และธนชาตไดรฟ์เอง จะได้ประโยชน์จากช่องทางที่เพิ่มขึ้นจาก “ทีเอ็มบี-ธนชาต”

ป้อมเพชร รสานนท์

ส่วนสัญญาณการผ่อนชำระของลูกค้านั้น เป็นไปตามสภาวะตลาด แต่ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ยังดีกว่าอุตสาหกรรม ขณะที่ธนชาตเองมีนโยบายปรับโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยลูกค้าให้ผ่านช่วงยากลำบากไปด้วยกัน เช่น ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบในภาคท่องเที่ยว ก็สามารถยื่นคำร้องมาที่ธนาคาร เพื่อขอรับความช่วยเหลือหรือขอสินเชื่อ CYC ตั้งหลักที่ขยายเวลาผ่อนชำระงวดแรกของลูกค้าให้มีเวลาตั้งหลักนานถึง 60 วัน

ด้านนโยบายปล่อยสินเชื่อปีนี้นั้น รถใหม่จะเน้นทำงานร่วมกับพันธมิตรการค้าที่หลากหลาย ทั้งดีลเลอร์และผู้ผลิตรถยนต์ ผ่านการพัฒนาระบบงานและนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งาน ส่วนรถมือสอง(รถใช้แล้ว) จะเน้นให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ เพราะต้องการให้รถยนต์เป็นสินทรัพย์ที่ช่วยขับเคลื่อนความสุขและความสำเร็จ ไม่ใช่ความทุกข์ในตอนท้าย(ตามหลัก Financial Well-being) และ รถแลกเงิน จะมุ่งทำให้ลูกค้ามีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนตํ่าผ่านช่องทางที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย     

“การให้สินเชื่อทั้งรถใหม่ รถมือสองและรถแลกเงินจะช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้า ความสำเร็จ โดยเฉพาะรถแลกเงิน ลูกค้าจะมีสภาพคล่องที่ดีขึ้นและสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ต้นทุนตํ่า เพื่อนำไปใช้ในกิจการต่อไป และขับเคลื่อนลูกค้าไปสู่ Financial Well-being โดยเห็นได้จากจุดขายของธนชาตที่ให้บริการเข้าถึงทุกพื้นที่ผ่าน Sales Network ที่ครอบคลุมและมีประสบการณ์”

นอกจากนั้นยังมีการทำตลาดผ่านคู่ค้าในธุรกิจรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตหรือดีลเลอร์รถใหม่รถใช้แล้ว ที่ให้ความไว้ใจและบอกต่อบริการไปยังลูกค้า การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลางและใช้เทคโนโลยีใหม่มาตอบโจทย์เหล่านั้น เช่น พัฒนาช่องทาง O2O และ ALDX (Automotive Lending Digital Experience) ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนากระบวนการให้บริการลูกค้าเพื่อให้ได้รับความสะดวกสบายตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่การสมัครขอสินเชื่อ ติดตามสถานะการอนุมัติ ดูรายละเอียดบัญชี หรือนำเอกสารต่างๆ เช่น สำเนาทะเบียน ใบเสร็จรับเงิน ที่ประสานการให้บริการผ่าน Online และ Offline อย่างลงตัว

นายป้อมเพชรกล่าวว่า ปีที่แล้ว ALDX ได้ผลตอบรับดี สะท้อนผ่าน NPS ด้าน Service ที่อยู่ในระดับที่ดีมาก แสดงให้เห็นว่าลูกค้าได้รับประโยชน์ ส่วนความท้าทายของทีมอำนวยสินเชื่อรถยนต์ปีนี้จะเป็นการเข้าใจลูกค้าเชิงลึกผ่านมุมมองพฤติกรรมและข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลและพฤติกรรมในแต่ละพื้นที่และอุตสาหกรรม และการปรับตัวของ credit scoring ที่ต้องทันท่วงทีและตรงกับสถานการณ์ เพื่อป้องกันหนี้เสีย

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,558 วันที่ 19-21 มีนาคม 2563