Play
ZMICO รับโอนหุ้น Finch ฮ่องกง เพิ่มโอกาสลงทุน-ขยายกลุ่มลูกค้าใหม่
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
บล.ซีมิโก้ รับโอนหุ้น Finch และ ลี แอนด์ โค รุกธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการตลาด ตลอดจนการสร้างแบรนด์ เพิ่มโอกาสการลงทุนใหม่ๆ และเพิ่มลูกค้าใหม่
บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ ZMICO แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการลงทุน เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2560 มีมติอนุมัติให้เข้าทำรายการรับโอนหุ้นบริษัท Finch and Partners Asia Limited (Finch) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนประกอบธุรกิจในฮ่องกง คิดเป็น 40% ซึ่งเดิมบริษัทได้ลงทุนใน Finch เป็นเงิน 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2559 โดย ณ วันที่ลงทุน สัดส่วนของการถือหุ้นใน Finch ยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากอยู่ระหว่างการหารือผู้ร่วมทุนรายอื่นเพิ่มเติม เป็นผลให้สัดส่วนการถือหุ้นใน Finch ของบริษัทในขณะนั้นไม่เข้าเกณฑ์การเปิดเผยสารสนเทศของบริษัทจดทะเบียน
ปัจจุบัน Finch ได้ปรับโครงสร้างการบริหารและต้องการปรับสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหม่ให้สอดคล้องกับการบริหารงานใหม่ รวมทั้งจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท จาก Finch and Partners Asia Limited เป็นบริษัท Li and Co Limited ภายหลังการทำรายการ นอกจากนี้เพื่อให้เอื้อต่อการบริหารงานและขยายตลาดในประเทศไทย จึงมีการจัดตั้งบริษัท ลี แอนด์ โค (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการตลาด โดยมีโครงสร้างการบริหารงานเช่นเดียวกับ Finch โดยบริษัทจะรับโอนหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมและถือหุ้นในสัดส่วน 40% ภายหลังการทำรายการ
ทั้งนี้ การทำรายการดังกล่าวเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้น โดยวธีการรับโอนหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมโดยไม่มีการชำระราคา ได้แก่ Mr.Charles Peter George Thomas Ingle-Finch ไม่มีความสัมพันธ์ในฐานะบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน โดยสัดส่วนการถือหุ้นหลังการทำรายการ ประกอบด้วย Mr.Robert Man Fai Li สัดส่วน 55% บริษัทหลักทรัพย์ซีมิโก้ 40% และ Mr.Jonathan James Rivett-Carnac 5%
สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุนในครั้งนี้ เนื่องจาก Finch เป็นบริษัทที่มีจุดเด่นด้านการให้คำปรึกษาด้านการตลาด ตลอดจนการสร้างแบรนด์ การบริหารสื่อและมีฐานลูกค้ากว้างขวาง จึงได้ประโยชน์จากการเข้าถึงกลุ่มธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์และด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ และยังเป็นการส่งเสริมธุรกิจที่บริษัทได้ลงทุนไปแล้วให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ประกอบกับการตั้งบริษัทในไทยถือเป็นโอกาสในการเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งบริษัทเชื่อว่าหลังการปรับโครงสร้างจะทำให้เพิ่ประสิทธิภาพและความสามารถในการดำเนินงาน ซึ่งจะเป้นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว
บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ ZMICO แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการลงทุน เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2560 มีมติอนุมัติให้เข้าทำรายการรับโอนหุ้นบริษัท Finch and Partners Asia Limited (Finch) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนประกอบธุรกิจในฮ่องกง คิดเป็น 40% ซึ่งเดิมบริษัทได้ลงทุนใน Finch เป็นเงิน 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2559 โดย ณ วันที่ลงทุน สัดส่วนของการถือหุ้นใน Finch ยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากอยู่ระหว่างการหารือผู้ร่วมทุนรายอื่นเพิ่มเติม เป็นผลให้สัดส่วนการถือหุ้นใน Finch ของบริษัทในขณะนั้นไม่เข้าเกณฑ์การเปิดเผยสารสนเทศของบริษัทจดทะเบียน
ปัจจุบัน Finch ได้ปรับโครงสร้างการบริหารและต้องการปรับสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหม่ให้สอดคล้องกับการบริหารงานใหม่ รวมทั้งจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท จาก Finch and Partners Asia Limited เป็นบริษัท Li and Co Limited ภายหลังการทำรายการ นอกจากนี้เพื่อให้เอื้อต่อการบริหารงานและขยายตลาดในประเทศไทย จึงมีการจัดตั้งบริษัท ลี แอนด์ โค (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการตลาด โดยมีโครงสร้างการบริหารงานเช่นเดียวกับ Finch โดยบริษัทจะรับโอนหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมและถือหุ้นในสัดส่วน 40% ภายหลังการทำรายการ
ทั้งนี้ การทำรายการดังกล่าวเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้น โดยวธีการรับโอนหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมโดยไม่มีการชำระราคา ได้แก่ Mr.Charles Peter George Thomas Ingle-Finch ไม่มีความสัมพันธ์ในฐานะบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน โดยสัดส่วนการถือหุ้นหลังการทำรายการ ประกอบด้วย Mr.Robert Man Fai Li สัดส่วน 55% บริษัทหลักทรัพย์ซีมิโก้ 40% และ Mr.Jonathan James Rivett-Carnac 5%
สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุนในครั้งนี้ เนื่องจาก Finch เป็นบริษัทที่มีจุดเด่นด้านการให้คำปรึกษาด้านการตลาด ตลอดจนการสร้างแบรนด์ การบริหารสื่อและมีฐานลูกค้ากว้างขวาง จึงได้ประโยชน์จากการเข้าถึงกลุ่มธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์และด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ และยังเป็นการส่งเสริมธุรกิจที่บริษัทได้ลงทุนไปแล้วให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ประกอบกับการตั้งบริษัทในไทยถือเป็นโอกาสในการเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งบริษัทเชื่อว่าหลังการปรับโครงสร้างจะทำให้เพิ่ประสิทธิภาพและความสามารถในการดำเนินงาน ซึ่งจะเป้นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว
