รวมนานาทรรศนะ หลังกรมการข้าว รับรองพันธุ์ข้าวน้องใหม่

22 ส.ค. 2565 | 09:00 น.

3 สมาคมข้าว “เมล็ดพันธุ์-ชาวนา-โรงสี” เผยนานาทรรศนะ หลังกรมการข้าว รับรองพันธุ์ข้าวน้องใหม่ 4 สายพันธุ์ ชี้ยังไกลฝัน ชาวนา-โรงสี ที่อยากได้ ขณะที่นายกฯเมล็ดพันธุ์ ยังมี 1 สายพันธุ์ กข95 (ดกเจ้าพระยา) โดนใจ คาดว่าจะครองใจชาวนา แย้ม 4 เดือน คิกออฟลงกระจายแปลงนาทั่วประเทศ

รวมนานาทรรศนะ หลังกรมการข้าว รับรองพันธุ์ข้าวน้องใหม่

 

วันที่ 22 สิงหาคม 2565นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณารับรองพันธุ์ ครั้งที่ 1/2565 โดยมี ผู้บริหาร ผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ ผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมการพิจารณารับรองพันธุ์ ณ ห้องประชุมรวงข้าว ชั้น 2 อาคารกรมการข้าว  เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณารับรองพันธุ์ข้าวมีมติรับรองข้าวพันธุ์ใหม่ 4 พันธุ์ได้แก่ กข93 กข95 กข97 และ กข101

 

รวมนานาทรรศนะ หลังกรมการข้าว รับรองพันธุ์ข้าวน้องใหม่

โดยพันธุ์ข้าว กข93 (พุ่มพวงเมืองสองแคว) เป็นผลงานการพัฒนาจากศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก เป็นข้าวขาวอมิโลสปานกลาง  มีลักษณะประจำพันธุ์ คือเป็นข้าวเจ้าไวต่อช่วงแสง มีลักษณะเด่น คือ อายุเก็บเกี่ยวปานกลาง ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ย 767 กก./ไร่ (มีศักยภาพการให้ผลผลิต 934 กก./ไร่) ความสูง 131 ซม. ปริมาณอมิโลสปานกลาง 22.82 % ท้องไข่น้อย ตุณภาพการสีดีมาก ต้นเตี้ย ต้านทานการหักล้ม ต้านทานต่อโรคไหม้และค่อนข้างต้านทานโรคขอบใบแห้ง เหมาะสำหรับนาน้ำฝนในเขตภาคเหนือตอนล่าง และเกษตรกรที่ต้องปลข้าวอายุปานกลาง แต่มีข้อจำกัดคืออ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดสีน้ำตาล และเพลี้ยกระโดหลังขาว

รวมนานาทรรศนะ หลังกรมการข้าว รับรองพันธุ์ข้าวน้องใหม่

 

ในส่วนของพันธุ์ กข95 (ดกเจ้าพระยา) เป็นผลงานการพัฒนาจากศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท เป็นข้าวขาวพื้นแข็ง มีลักษณะประจำพันธุ์ คือ เป็นข้าวเจ้านุ่มไม่ไวต่อช่วงแสง ความสูง 110 ซม. คุณภาพการสีดีมาก ท้องไข่น้อย มีปริมาณอมิโลสสูงร้อยละ 29.78 อายุการเก็บเกี่ยว 95 - 100 วัน  มีลักษณะเด่น คือ ผลผลิตสูงเฉลี่ย 885 กก./ไร่ (มีศักยภาพการให้ผลผลิตสูงสุด 1,213 กก./ไร่) ต้านทานต่อโรคไหม้และค่อนข้างต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เหมาะสำหรับนาชลประทานถาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง แต่มีข้อจำกัดคือ อ่อนแอต่อโรคขอบใบแห้งและเพลี้ยกระโดดหลังขาว

 

รวมนานาทรรศนะ หลังกรมการข้าว รับรองพันธุ์ข้าวน้องใหม่

สำหรับพันธุ์ กข97 (หอมรังสิต) เป็นผลงานการพัฒนาจากศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี เป็นข้าวหอมไทย มีลักษณะประจำพันธุ์ คือ อายุการเก็บเกี่ยว 111-114 วัน (ปักดำ) 106 วัน (หว่านน้ำตม) ผลผลิตสูงเฉลี่ย 767 กก./ไร่ (ศักยภาพการให้ผลผลิตสูงถึง 934 กก./ไร่) ความสูง 107 ซม. ปริมาณอมิโลสต่ำร้อยละ 15.25 เมล็ดข้าวเปลือกสีฟาง มีลักษณะเด่น คือ เป็นข้าวอมิโลสต่ำ ข้าวสุกนุ่มค่อนข้างเหนียว มีกลิ่นหอมเล็กน้อย ผลผลิตสูง 737 กก./ไร่

รวมนานาทรรศนะ หลังกรมการข้าว รับรองพันธุ์ข้าวน้องใหม่

 

ศักยภาพการให้ผลผลิต 976 กก./ไร่ ที่ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก เป็นข้าวเจ้าเมล็ดยาวเรียว ท้องไข่น้อย ค่อนข้างต้านทานต่อโรคไหม้ สำหรับพื้นที่แนะนำควรปลูกพื้นที่นาชลประทาน ข้อจำกัดคืออ่อนแอต่อโรคขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและสุดท้ายพันธุ์ กข101 (ทุ่งหลวงรังสิต) เป็นผลงานการพัฒนาจากศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี มีลักษณะประจำพันธุ์ คือ ข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสง อายุการเก็บเกี่ยว 118 วัน (ปักดำ) ผลผลิตสูงเฉลี่ย 779 กก./ไร่

 

รวมนานาทรรศนะ หลังกรมการข้าว รับรองพันธุ์ข้าวน้องใหม่

 

(มีศักยภาพการให้ผลผลิต 1,070 กก./ไร่) ความสูง 117 ซม. ปริมาณอมิโลสปานกลางร้อยละ 21.67 ข้าวสุกค่อนข้าวนุ่ม ไม่เหนียว ไม่ร่วน และไม่มีกลิ่นหอม มีลักษณะเด่น คือ ต้านทานต่อโรคไหม้ พื้นที่แนะนำควรปลูกในพื้นที่นาชลประทาน ข้อจำกัดคืออ่อนแอต่อโรคขอบใบแห้ง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และเพลี้ยกระโดดหลังขาว

 

 

นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า โดยเฉพาะข้าว กข 95 คาดว่าจะสามารถจำหน่ายให้เกษตรกรตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป จำนวน 300 ตัน และจะมีการขยายในการปลูกทั่วประเทศตั้งแต่เดือนเมษายนปีหน้า เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามในอนาคตกรมการข้าวมีแนวทางในการที่จะส่งเสริมผลิตข้าวคุณภาพให้ได้มากที่สุด

รวมนานาทรรศนะ หลังกรมการข้าว รับรองพันธุ์ข้าวน้องใหม่

 

โดยกรมการข้าวจะมีการประสานงานไปยังกองทุนหมู่บ้านเพื่อที่จะเป็นพื้นที่จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ ที่ผ่านมายอมรับว่าเกษตรกรโดยรวมจะต้องไปซื้อที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ทำให้ยากต่อการกระจายเมล็ดพันธุ์คุณภาพสู่มือเกษตรกรอย่างไรก็ดีในอนาคตอีก3-4 ปี จะทำให้ประเทศเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวคุณภาพ

 

รวมนานาทรรศนะ หลังกรมการข้าว รับรองพันธุ์ข้าวน้องใหม่

 

สอดคล้องนายนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา นายกสมาคมเมล็ดพันธุ์ข้าวไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”  ในรอบนี้รับพันธุ์ข้าวที่โดนใจที่สุด กข95 (ดกเจ้าพระยา) เป็นผลงานการพัฒนาจากศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท เป็นข้าวขาวพื้นแข็ง มีลักษณะประจำพันธุ์ คือ เป็นข้าวเจ้านุ่มไม่ไวต่อช่วงแสง ความสูง 110 ซม. คุณภาพการสีดีมาก ท้องไข่น้อย มีปริมาณอมิโลสสูงร้อยละ 29.78 อายุการเก็บเกี่ยว 95 - 100 วัน ทุกฤดูด้วย ไม่ยืด มีลักษณะเด่น

 

คือ ผลผลิตสูงเฉลี่ย 885 กก./ไร่ (มีศักยภาพการให้ผลผลิตสูงสุด 1,213 กก./ไร่) ต้านทานต่อโรคไหม้และค่อนข้างต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เหมาะสำหรับนาชลประทานภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง แต่มีข้อจำกัดคือ อ่อนแอต่อโรคขอบใบแห้งและเพลี้ยกระโดดหลังขาว

 

นอกจากนี้ยังมี “พันธุ์ข้าว 101” คือ ข้าวอมิโรสปานกลาง ไม่แข็งไม่อ่อน พัฒนาให้เหมาะกับการทำข้าวมันไก่ ข้าวหน้าเป็ด ข้าวผัด ไม่แข็ง และไม่เหนียว  และ “กข97” เป็นข้าวที่มีกลิ่นหอม อายุ 105 วัน ผลผลิตค่อนข้างสูง ปิดท้าย “กข93”  เป็นข้าวไวแสง ปลูกได้เฉพาะนาปีที่ต้นแข็ง

 

นายนิทัศน์ กล่าวว่า ท่านอธิบดีเป็นคนทำงานที่ฉับไว รวดเร็ว และมีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยมีเมล็ดพันธุ์หลักเพียงพอไว้เลยในการที่จะให้ศูนย์เมล็ดพันธุ์ขยายอย่างน้อย 5 ตัน คาดว่าอีก 4 เดือนทุกคนจะได้เมล็ดพันธุ์ไปขยายทั้งชาวนาและสมาคม พร้อมกันทั่วประเทศ

 

รวมนานาทรรศนะ หลังกรมการข้าว รับรองพันธุ์ข้าวน้องใหม่

 

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า มองว่าการรับรองพันธุ์ข้าวมากขึ้น ทำให้เกษตรกรมีพันธุ์ข้าวให้เลือกปลูกมากขึ้น และที่สำคัญคือพันธุ์ที่ได้รับการรับรอง ควรที่จะต้องเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตข้าวเปลือกสดไม่ต่ำกว่า 1,500 กก.ต่อพื้นที่เพาะปลูก 1 ไร่  ระยะเวลาเพาะปลูกไม่ควรเกิน 90-110 วัน เพื่อครอบคลุมต้นทุนเพาะปลูกและมีกำไรอยู่ได้

     

 

พันธุ์ข้าวที่ได้รับการรับรองแล้ว เมื่อนำมาปลูกจริงต้องสามารถตอบโจทย์เรื่องผลผลิตสูง ระยะเวลาเพาะปลูกสั้น ตามที่เกษตรกรต้องการ และพันธุ์นั้นต้องเป็นที่ต้องการของตลาดคือขายได้  ถ้าไม่ตอบโจทย์ก็จะไม่เป็นที่จูงใจให้เกษตรกรอยากเลือกปลูก พันธุ์นั้นๆก็จะไม่เป็นที่นิยมไปในที่สุด   ควรเน้นรับรองพันธุ์ข้าวพื้นนุ่ม (ที่ไม่หอม) และกระทรวงพาณิชย์จะต้องรับรองให้เป็นสินค้ามาตรฐาน แยกจากข้าวหอมมะลิและหอมปทุมฯด้วย เพราะพันธุ์ข้าวนุ่ม (ไม่หอม) กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด และเวียดนามปลูกและขายข้าวชนิดนี้ได้เป็นจำนวนมาก

 

  รวมนานาทรรศนะ หลังกรมการข้าว รับรองพันธุ์ข้าวน้องใหม่

 

เช่นเดียวกับนายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย และที่ปรึกษาสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า  การรับรองพันธุ์ข้าวของกรมการข้าวที่หลากหลายขึ้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้เกษตรกรมีตัวเลือกในการปลูกมากขึ้น  แต่เนื่องจากตลาดส่งออกข้าวไทย โดนแย่งผู้ซื้อไปโดยเราเสียตลาดข้าวพื้นนุ่มให้เวียดนาม และเสียตลาดข้าวพื้นแข็งให้กับอินเดีย  เนื่องจากต้นทุนเราสูงกว่าคู่แข่งมาก (คือผลผลิตต่อไร่เรายังต่ำกว่าประเทศคู่แข่งมาก) 

 

หากจะแย่งตลาดคืนมาผลผลิตต่อไร่ของข้าวแต่ละพันธุ์ที่กรมการข้าวรับรองนั้น ต้องเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตข้าวเปลือกไม่ต่ำกว่า 1,000-1,200 กก.ต่อพื้นที่เพาะปลูก 1 ไร่  ระยะเวลาเพาะปลูกไม่ควรเกิน 90-110 วันและยังจะต้องกำหนดให้ข้าวพื้นนุ่ม (ไม่หอม) อยู่ในมาตรฐานสินค้าข้าวไทยเช่นเดียวกับข้าวชนิดอื่นๆ

 

 เช่น ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวหอมไทย ข้าวขาว ข้าวเหนียว ข้าวนึ่ง และข้าวกล้อง  เพื่อให้เกิดความชัดเจนสำหรับทั้งภาครัฐและเอกชนในการช่วยกันส่งเสริมการทำตลาดข้าวพื้นนุ่ม (ที่ไม่หอม) เพื่อแข่งกับเพื่อบ้านโดยเฉพาะเวียดนาม ทั้งนี้หลังจากได้รับการรับรองพันธุ์แล้ว  พันธุ์ข้าวเหล่านี้ถูกนำไปเพาะปลูกจริงโดยเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ และต้องมีการติดตามดูผลอย่างต่อเนื่องว่าเป็นไปตามเป้าหมายและตอบชาวนา ตอบโจทย์ตลาดในประเทศ และผู้ซื้อในต่างประเทศหรือไม่ ซึ่งกรมการข้าวต้องค่อยติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด

 

 

สุดท้ายกรมการข้าวต้องเปิดกว้าง สร้างแรงจูงใจในการรับรองพันธุ์  ที่ได้ถูกพัฒนาโดยสถาบันต่างๆ และโดยภาคเอกชนเพื่อเป็นการร่วมมือกันของทั้งภาครัฐและเอกชน ในการพัฒนาพันธุ์ข้าวของประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ที่มีการแข่งขันสูง ทั้งในเรื่องของราคา และคุณภาพ

 

 

อนึ่ง สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการพิจารณารับรองพันธุ์ข้าว เป็นครั้งแรก

 

 

กข93

 

กข95

 

กข97

 

กข101