KEY
POINTS
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ครั้งที่ 7/2568 (กรณีพิเศษ) ว่า การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อร่วมกันหาแนวทางยกระดับการบริหารจัดการอุตสาหกรรมนมของประเทศทั้งระบบ มุ่งสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมนมไทยอย่างยั่งยืน พร้อมผลักดันให้เกิดกลไกการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนอย่างเป็นรูปธรรม
อีกทั้ง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการนมในภาพรวม การเชื่อมโยงตลาด โดยเฉพาะบทบาทของภาคเอกชนในการสะท้อนความต้องการของตลาด เพื่อให้ภาครัฐและสหกรณ์สามารถกำหนดทิศทางการผลิตได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ และเกิดความสมดุลระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ และระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยย้ำว่าทุกแนวทางต้องคำนึงถึงประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบหรืออุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ และเกษตรกรต้องได้รับประโยชน์อย่างเป็นธรรม
ปลัดเกษตรฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการน้ำนมโคที่ใช้จัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) การซื้อขายน้ำนมโค ปี 2568/2569 ของศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบที่ยังไม่มีแหล่งจำหน่าย เพื่อให้การระบายผลผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยรักษาเสถียรภาพราคาน้ำนมดิบในระบบ
อีกทั้ง รับรองมติกำหนดแนวทางการจัดสรรโควตาและปริมาณการนำเข้านมผงขาดมันเนย ประจำปี 2569 ภายใต้กรอบความตกลง WTO (ข้อตกลงองค์การการค้าโลก) และกรอบความตกลงการค้าเสรี TAFTA (Thailand-Australia Free Trade Agreement : TAFTA) และ TNZCEP (Thailand – New Zealand Closer Economic Partnership : TNZCEP) ตามมติของคณะอนุกรรมการพิจารณาจัดสรรโควตาและอัตราภาษีนำเข้านมผงขาดมันเนย นมดิบ และนมพร้อมดื่ม ครั้งที่ 3/2568
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์อุตสาหกรรมนมของประเทศ ซึ่งกรอบความตกลง TAFTA และ TNZCEP กำหนดปริมาณจัดสรรนมผงขาดมันเนย รวม 47,576.5 ตัน โดยแบ่งการจัดสรรเป็น 2 รอบ ได้แก่ ครั้งที่ 1 ช่วงเดือนมกราคม–พฤษภาคม จำนวน 23,788.25 ตัน สำหรับครั้งที่ 2 ช่วงเดือนมิถุนายน–ธันวาคม ที่ประชุมมีมติให้พิจารณาและติดตามข้อมูลอีกครั้งภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ในครั้งถัดไป เพื่อให้กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาการตลาดน้ำนมโคและผลิตภัณฑ์นม ภายใต้คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม โดยมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน พร้อมด้วยองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการให้ครอบคลุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคเกษตรกร มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย แผนงาน และแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาการตลาดน้ำนมโคและผลิตภัณฑ์นมแปรรูปที่หลากหลายเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
แหล่งข่าวจากที่ประชุมมิลค์บอร์ด เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงการจัดสรรโควตาและปริมาณนำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2569 ปริมาณรวม 90,862.5 ตัน มี 2 กรอบ ได้แก่ กรอบที่ 1 ภายใต้กรอบความตกลง WTO (ข้อตกลงองค์การการค้าโลก) ปริมาณ 43,286 ตัน จัดแบ่งเป็นกลุ่มนิติบุคคล 2 กลุ่ม ดังนี้
สำหรับ กรอบความตกลงการค้าเสรีโคนม FTA ไทย-ออสเตรเลีย ไทย-นิวซีแลนด์ (TAFTA) ปริมาณ 47,576.50 ตัน แบ่งนำเข้านมผง 50% เป็น 2 ช่วง โดยได้แก่ ครั้งที่ 1 ช่วงเดือนมกราคม–พฤษภาคม จำนวน 23,788.25 ตัน สำหรับครั้งที่ 2 ช่วงเดือนมิถุนายน–ธันวาคม
ทั้งนี้การนำเข้านมผงเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพันธกรณีที่ไทยผูกพันไว้ ซึ่งอาจจะทำให้ทั้ง 2 ประเทศตอบโต้ไทยและอาจส่งผลกระทบต่อการบริหารการนำเข้าของคณะกรรมการโคนมฯ ได้