นมโรงเรียนล้นตลาด นำเข้านมผงสะดุด เอกชนเสียหาย 3 หมื่นล้าน

23 ต.ค. 2568 | 01:00 น.

จากกรณีที่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เรื่องปัญหานมล้นตลาด จึงสั่งการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ประสานเอกชนช่วยรับซื้อนํ้านมดิบในราคากิโลกรัมละ 18 บาท ขณะที่ราคากลางอยู่ที่ 22.75 บาทต่อกิโลกรัม

 

“ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ ‘ดร.โอฬาร โชว์วิวัฒนา’ นายกสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนมไทย  เพื่อสะท้อนมุมมองของผู้ประกอบการนมพาณิชย์ต่อปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงความจำเป็นในการนำเข้านมผงเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศและการส่งออกที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

 

นมโรงเรียนล้นตลาด นำเข้านมผงสะดุด เอกชนเสียหาย 3 หมื่นล้าน

 

ราคานํ้านมดิบไทยสูงสุดโลก

 ดร.โอฬาร กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมกว่า 1.5 หมื่นครัวเรือน ผลิตนํ้านมดิบเฉลี่ย 3,050 ตันต่อวัน หรือ ราว 1.11 ล้านตันต่อปี ในขณะที่ความต้องการบริโภคนมคนไทยสูงถึง 1.95 ล้านตันต่อปี ส่งผลทำให้ไทยจำเป็นที่จะต้องนำเข้านมผงประมาณ 9 หมื่นตันต่อปี (เทียบเท่านมผงพร้อมดื่ม 0.9 ล้านตัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด แบ่งเป็น เพื่อนมพร้อมดื่ม 1.03 ล้านตัน และอาหารนมอื่นๆ อาทิ โยเกิร์ต นมข้นจืด และนมข้นหวาน เป็นต้น จำนวน 0.92 ล้านตัน

 

 

นมโรงเรียนล้นตลาด นำเข้านมผงสะดุด เอกชนเสียหาย 3 หมื่นล้าน

จากแนวคิดของรัฐมนตรีเกษตรฯ ที่เสนอให้เอกชนรับซื้อนํ้านมดิบที่ล้นตลาดจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 18 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน สมาคมเห็นว่าแม้เป็นแนวทางที่มีเจตนาดี แต่ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืนหากไม่มีมาตรการเสริมจากภาครัฐ เนื่องจากต้นทุนการผลิตนมของเกษตรกรอยู่ระหว่าง 19-21 บาทต่อ กก. ต้นทุนหลักมาจากค่าอาหารสัตว์กว่า 60% ของต้นทุนรวม โดยในปี 2567 ราคานํ้านมดิบหน้าโรงงานได้ขึ้นมาอยู่ที่ 22.75 บาทต่อ กก. และคงราคากลางนี้มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นราคานมที่สูงที่สุดในโลก

ผลจากราคาที่ปรับสูงขึ้น ทำให้ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) หนึ่งในผู้ประกอบการโครงการนมโรงเรียนรายใหญ่ ซื้อนมดิบลดลง ซึ่งการที่จะให้เอกชนไปช่วยรับซื้อนํ้านมดิบในราคา 18 บาทต่อ กก. ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทันที เนื่องจากการรับซื้อตํ่ากว่าราคาหน้าโรงงานที่ตํ่ากว่าราคากลาง เสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย เนื่องจากการปรับราคาขึ้น-ลง ต้องขอมติ ที่ประชุม ครม.ให้ความเห็นชอบ หรือหากจะนำนํ้านมไปขายให้ผู้ผลิตแบรนด์อื่นที่ไม่ใช่ อ.ส.ค. ก็ทำไม่ได้ อ.ส.ค.ก็คงไม่ยินยอม

“ยกตัวอย่างผมทำงานอยู่กับ บมจ.ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์ จะให้ไปขายผลิตภัณฑ์แบรนด์วัวแดง ก็คงเป็นไปไม่ได้ และที่สำคัญผลของการปรับราคานํ้านมดิบได้ถูกปรับเพิ่มขึ้นจากการที่เกษตรกรเรียกร้องทำให้ อ.ส.ค.ขาดทุนทันที รวมขาดทุนสะสมกว่า 2 พันล้านบาท”

 

ชะลอนำเข้านมผง อุตฯวูบ 3 หมื่นล้าน

ดร.โอฬาร กล่าวถึงความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย–ออสเตรเลีย และไทย–นิวซีแลนด์ตามข้อตกลง ลดภาษีเป็น 0% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ว่าทางคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม หรือมิลค์บอร์ด อนุมัติการนำเข้านมผงเพียง 35% จากคำรวมขอทั้งสิ้น 9.1 หมื่นตัน ซึ่งแม้จะมีเสียงคัดค้านจากกรมการค้าเจรจาระหว่างประเทศ และกรมการค้าต่างประเทศก็ตาม ทั้งนี้จากการบริโภคนมของคนไทย 1.95 ล้านตันต่อปี แต่ผลิตในประเทศได้เพียง 1.1 ล้านตัน มองว่านมไม่ได้ล้นตลาด ซึ่งผลจากการละเมิดข้อตกลงทำให้ผู้ประกอบการนมเสียหายรุนแรง ทำให้วัตถุดิบไม่เพียงพอ กระทบต่อการวางแผนการนำเข้า และการผลิต ทำให้เสียโอกาสทางการค้ากว่า 3 หมื่นล้านบาท

 

“ปัญหานมล้นเกิดจากระบบการจัดสรรนมโรงเรียน แต่ให้ผู้ประกอบการพาณิชย์มารับผิดชอบปัญหาที่ไม่ได้ก่อ โดยให้รับซื้อนมผงที่ผลิตในประเทศจากการนำนมดิบที่ล้นมาเป่าเป็นนมผง ซึ่งราคาสูงกว่านมผงนำเข้า 2 เท่า และให้ผู้ประกอบการลดขอนำเข้านมผงลงตามปริมาณที่กรมปศุสัตว์กำหนดให้ที่ 75,000 ตัน จึงมองว่าไม่เป็นธรรม”

 

ชงตั้งกองทุนชดเชยราคา

เพื่อแก้ปัญหาระยะสั้น สมาคมฯ เสนอจัดตั้ง “กองทุนชดเชยราคานํ้านมดิบส่วนต่าง” เพื่อรับซื้อนมส่วนเกินช่วงปิดภาคเรียน หรือชดเชยต้นทุนให้เอกชนที่รับซื้อนํ้านมจากเกษตรกร แล้วนำไปแปรรูปเพื่อพยุงราคาตลาด โดยปัญหานมล้นส่วนใหญ่เกิดจากระบบจัดสรรโควตานมโรงเรียนที่ไม่มีความสอดคล้องกับความเป็นจริง และขาดแผนรองรับช่วงปิดเทอมที่เกษตรกรยังต้องรีดนมต่อเนื่อง

ตัวอย่างเช่น มีการเซ็น MOU รับซื้อนมโรงเรียนถึง 1,894 ตัน/วัน ขณะที่โควตาที่แท้จริงมีเพียง 951 ตัน/วัน ส่วนเกินจึงไม่มีทางระบาย โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กที่ไม่มีช่องทางขายนมพาณิชย์ จึงต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐในระยะยาว ควรขยายระยะเวลาส่งนมโรงเรียนจาก 260 วัน เป็น 365 วัน และปรับระบบบริหารโควตาให้โปร่งใส ตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ เพื่อดูดซับนํ้านมส่วนเกินอย่างมีประสิทธิภาพ

 

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,142 วันที่ 23 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568