ดีเดย์ผุด รง.นมผง 4 ภาค แก้ปัญหานมล้นตลาด ชิงเค้กตลาด 7 หมื่นล้าน

09 เม.ย. 2568 | 21:39 น.

ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ดันสุดลิ่ม เกษตรฯ ตั้งไข่โรงงานนมผง 4 ภาค กำลังการผลิตรวม 200 ตันต่อวัน งบ 800 ล้าน ชิงเค้กอุตสาหกรรมนม 7 หมื่นล้าน หวังแก้ปัญหานมล้นตลาด ดัดหลังพ่อค้ากดราคา สร้างอำนาจการต่อรองเกษตรกรเล็งขายในประเทศทดแทนนำเข้านมผง

สถานการณ์การผลิตและการเลี้ยงโคนม ในปัจจุบันมีจำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมลดลงจาก 15,724 ราย ในปี 2566 เหลือ 14,997 ราย ในปี 2567 ส่งผลให้ปริมาณนํ้านมโคของทั้งประเทศลดลงจาก 1.026 ล้านตันต่อปี ในปี 2566 เหลือ 1.011 ล้านตันต่อปี ในปี 2567 รวมทั้งจำนวนแม่โครีดนมยังมีแนวโน้มลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจาก 244,292 ตัว ในปี 2566 เหลือ 233,501 ตัว

ในปี 2567 ประกอบกับภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย - ออสเตรเลีย (TAFTA) และความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์(TNZCEP) ทำให้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ประเทศไทย ต้องยกเลิกโควตาภาษีของนมผงขาดมันเนย และนมและครีม ให้เป็นร้อยละ 0

ดีเดย์ผุด รง.นมผง 4 ภาค แก้ปัญหานมล้นตลาด ชิงเค้กตลาด 7 หมื่นล้าน

จากที่ไทยต้องปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมนมของไทยเนื่องจากเวลานี้ยังมีต้นทุนการผลิตที่สูง รวมทั้งแนวโน้มจำนวนเด็กนักเรียนของไทยในโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียนลดลงต่อเนื่อง จากจำนวนนักเรียนในโครงการนมโรงเรียนปี 2563 มีจำนวน 7,036,845 คน แต่ในปี 2567 ลดเหลือจำนวน 6,525,110 คน ส่งผลโดยตรงต่อการนำมาจัดสรรสิทธิโดยเฉพาะภาคสหกรณ์โคนม รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษา (ตั้งแต่เริ่มโครงการนมโรงเรียนในปี 2562 มีแนวโน้มการได้รับสิทธิจำหน่ายนมโรงเรียนลดลงตามลำดับ)

 

 

ดีเดย์ผุด รง.นมผง 4 ภาค แก้ปัญหานมล้นตลาด ชิงเค้กตลาด 7 หมื่นล้าน

นายนัยฤทธิ์ จำเล ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เนื่องจากแนวโน้มภาคสหกรณ์โคนมรัฐวิสาหกิจและสถานศึกษาได้รับการจัดสรรสิทธินมโรงเรียนลดลง รวมถึงการยกเลิกโควตาภาษีของนมผงขาดมันเนยและนมและครีมให้เป็นร้อยละ0 ภายในกรอบการค้าเสรี (FTA) ส่งผลให้อุตสาหกรรมโคนมมีข้อจำกัดด้านการแข่งขันทางการตลาด ทางสภาเกษตรกรฯ จึงได้ผลักดันจัดตั้งโรงงานนมผงขนาดเล็กให้เป็นนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่สมัยร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และมาจนถึง ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีเกษตรฯ คนปัจจุบันที่ต้องการแก้ปัญหานํ้านมดิบในอนาคตอย่างยั่งยืน

 

 

ดีเดย์ผุด รง.นมผง 4 ภาค แก้ปัญหานมล้นตลาด ชิงเค้กตลาด 7 หมื่นล้าน

 

โดยสนับสนุนให้มีการจัดตั้งโรงงานนมผงใน 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ตั้งโรงงานที่ สำนักงาน อ.ส.ค. ภาคเหนือตอนบน (โรงงานนมเชียงใหม่) , ภาคกลาง ตั้งโรงงานนมมวกเหล็ก (จังหวัดสระบุรี) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ตั้งโรงงานที่ อ.ส.ค. สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือโรงงานนมขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น และภาคใต้ ตั้งที่สหกรณ์โคนมกำแพงแสน จำกัด จังหวัดนครปฐม

ทั้งนี้โรงงานทั้ง 4 ภาค เป็นโรงงานผลิตขนาดเล็ก กำลังการผลิต ขนาด 50 ตันต่อวัน ใช้งบประมาณ 200 ล้านบาทต่อแห่ง เมื่อสร้างโรงงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะส่งนํ้านมดิบไปยังโรงงานเพื่อผลิตเป็นนมผง เพื่อเก็บไว้ใช้เอง ขายทั่วไป หรือขายให้กับผู้นำเข้านมผง โดยคิดกำไรขั้นตํ่า 5 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) นมผง หรือ 60 สตางค์ต่อกิโลกรัมนํ้านมดิบ โดยมีวัตถุประสงค์แก้ไขปัญหานมล้นอย่างยั่งยืน และทดแทนการนำเข้านมผง และเพิ่มการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่ม เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และสร้างความมั่นคงในอาชีพ ปัจจุบันกรมปศุสัตว์อยู่ระหว่างการออกแบบโรงงานนมผง คาดอีก 3 เดือน จะเริ่มเห็นการก่อสร้างในพื้นที่เป้าหมายดังกล่าว

 

 

 

ดีเดย์ผุด รง.นมผง 4 ภาค แก้ปัญหานมล้นตลาด ชิงเค้กตลาด 7 หมื่นล้าน

นายอาทิตย์ นุกูลกิจ นายกสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนมไทย กล่าวว่า ในการตั้งโรงงานนมผงของรัฐบาลต้องพิจารณาตลาดรองรับก่อนว่า เมื่อผลิตแล้วจะขายให้ใคร ปัจจุบันนมผงมี 2 แบบ คือ 1.นมผงเต็มมันเนย (Whole Milk Powder) คือ เป็นผลิตภัณฑ์นมที่ได้จากการนำเอานํ้านมสดมาผ่านกระบวนการทำให้แห้ง ซึ่งจะไม่ค่อยนิยมทำ เพราะจะมีกลิ่นหืนและเสียเร็ว และ 2.นมผงขาดมันเนย ที่ทุกปีจะมีการจัดสรรโควตานำเข้า ดังนั้นการตั้งโรงงาน 4 ภาค ต้องมาดูความต้องการของอุตสาหกรรมมีมากรองรับเพียงพอหรือไม่

 

ดีเดย์ผุด รง.นมผง 4 ภาค แก้ปัญหานมล้นตลาด ชิงเค้กตลาด 7 หมื่นล้าน

เช่นเดียวกับนํ้านมดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตมีป้อนเต็มกำลังการผลิตได้ทุกวันหรือไม่ หากใน 1 ปีผลิตได้ไม่กี่วัน ก็ไม่คุ้มกับการลงทุน อีกด้านหนึ่งต้องพิจารณาว่ามีตลาดรองรับหรือไม่ ซึ่งต้องคำนวณต้นทุนว่าคุ้มค่ากับการผลิตหรือไม่ ราคานํ้านมดิบในประเทศ ตํ่ากว่าราคานํ้านมดิบในต่างประเทศหรือไม่ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนและการแข่งขัน (ราคานํ้านมดิบในไทย 21.25 บาทต่อ กก. ปัจจุบันราคานํ้านมดิบต่างประเทศ เฉลี่ย 16 บาทต่อ กก.ข้อมูล ณ วันที่ 4 เม.ย.68)

อนึ่ง ตลาดนมในประเทศไทย ปี 2568 มีมูลค่าประมาณ 7 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นส่งออก 1.8 หมื่นล้านบาท และตลาดในประเทศกว่า 5 หมื่นล้านบาท สำหรับปี 2568 ไทยนำเข้านมและผลิตภัณฑ์นมช่วง 2 เดือนแรก 6,695.75 ล้านบาท โดยนำเข้ามากสุดจาก นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ

                                                                                                                                                            

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 45 ฉบับที่ 4,086 วันที่ 10-12 เมษายน พ.ศ. 2568