ไฟต์ชี้ชะตา 23 ธ.ค.68 “นำเข้านมผง" ปี 2569 เกษตรกรโคนมท้าชนอุตสาหกรรม แพ้ไม่ได้

18 ธ.ค. 2568 | 08:38 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ธ.ค. 2568 | 08:39 น.

ปลัดเกษตรฯ นัด 23 ธ.ค. 68 จบศึก “นำเข้านมผง ปี 2569” เดือด เกษตรกรโคนมหลังพิงฝา เปิดศึกอุตสาหกรรม ชี้ชะตาอนาคตนมทั้งประเทศ

KEY

POINTS

  • การประชุมมิลค์บอร์ดวันที่ 23 ธ.ค. 68 จะเป็นนัดชี้ชะตาการกำหนดโควตานำเข้านมผงสำหรับปี 2569 ซึ่งเป็นผลจากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ทำให้ภาษีนำเข้าเป็นศูนย์
  • กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมมีจุดยืนชัดเจนว่าหากน้ำนมดิบในประเทศยังจำหน่ายไม่หมด จะต้องไม่อนุญาตให้นำเข้านมผงโดยเด็ดขาด
  • ฝ่ายผู้ประกอบการอุตสาหกรรมโต้แย้งและขู่ว่าจะหยุดรับซื้อน้ำนมดิบ 1,200 ตันต่อวัน หากไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้านมผงซึ่งจำเป็นต่อสูตรการผลิต

“ฐานเศรษฐกิจ” ยังคงเกาะติดความเคลื่อนไหว มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรี ไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) และกรอบความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) สินค้านม และครีม เครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่ง และนมผงขาดมันเนย ภาษีนำเข้าจะเป็นศูนย์ มีผู้ประกอบการ 90 ราย ขอนำเข้านมผงรวม 9.1 หมื่นตัน  จนกระทั่งคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) อนุมัติให้นำเข้าเป็นระยะ ใกล้เคียงกับปี 2567 เพื่อลดความเสียหายของอุตสาหกรรมนมที่จำเป็นต้องนำเข้านมผงเพื่อผลิตในการแปรรูปจำหน่ายในประเทศ

 

ไฟต์ชี้ชะตา 23 ธ.ค.68  “นำเข้านมผง" ปี 2569  เกษตรกรโคนมท้าชนอุตสาหกรรม แพ้ไม่ได้

แหล่งข่าวจากมิลค์บอร์ด เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”  เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 ที่ ผ่านมา นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในที่ประชุมมิลค์บอร์ด มีวาระสำคัญ ดังนี้

1.การนำเข้านมผงเสรี

2.น้ำนมดิบเกษตรกรคงเหลือที่ยังไม่มีคู่ค้า จำนวน 32 ราย ปริมาณ 211 ตัน/วัน

โดยมีการนัดประชุมใหม่ในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 เพื่อวิเคราะห์การซื้อขายน้ำนมดิบและประวัติการนำเข้านมผง ให้นำข้อมูล MOU ย้อนหลัง 5 ปีมาประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อมาดูข้อมูล ถึงสาเหตุแท้จริง ว่าทำไมน้ำนมดิบในประเทศ จึงล้นและไม่มีที่ขาย

 

 

“ในที่ประชุมมีมติเห็นชอบผลการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) การซื้อขายน้ำนมโค ปี 2568/2569 ของผู้ซื้อและผู้ขายที่สามารถเจรจาตกลงซื้อขายและจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) การซื้อขายน้ำนมโค ปี 2568/2569 เรียบร้อยแล้วในปริมาณน้ำนมโครวม  2,849.959 ตันต่อวัน จากคู่ MOU จำนวน 405 คู่ ประกอบด้วย ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนม(ผู้ซื้อ) จำนวน 95 แห่ง และศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ (ผู้ขาย) จำนวน 159 แห่ง"

 

ไฟต์ชี้ชะตา 23 ธ.ค.68  “นำเข้านมผง" ปี 2569  เกษตรกรโคนมท้าชนอุตสาหกรรม แพ้ไม่ได้

สำหรับปริมาณน้ำนมโค รวม 2,849.959 ตันต่อวัน แบ่งเป็นเอกชน 1,818.176 ตัน/วัน สหกรณ์ 683.308 ตันต่อวัน,อ.ส.ค. 319.834 ตันต่อวัน และสถาบันการศึกษา 14,641 ตันต่อวัน  โดยแบ่งวัตถุประสงค์ในการรับซื้อน้ำนมโคเพื่อนมผงและครีม 845,692 ตันต่อวัน ,นมโรงเรียน 1,780 ตันต่อวัน และอื่นๆ 210.685 ตันต่อวัน 

แหล่งข่าว กล่าวว่า ในที่ประชุมก็สรุปกันไม่ได้ ฝ่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ยืนกรานว่าถ้าน้ำนมดิบขายในประเทศไม่หมด จะไม่ให้นำเข้านมผงเข้าสักกิโลฯ  ส่วนฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรมก็มีมติออกมาเช่นเดียวกันถึงสาเหตุที่น้ำนมดิบล้น  มิได้เกิดจากอุตสาหกรรม และไม่เกี่ยวของกับการนำเข้า ไม่ต้องนำมาพิจารณาร่วมกัน และหากไม่พิจารณาให้นำเข้านมผงอุตสาหกรรมจะตอบโต้หยุดซื้อและทิ้งนม 1,200 ตันต่อวัน ทันทีเพราะไม่สามารถผสมตามสูตรนมผง ,น้ำนมดิบ อย่างไรก็ดีภาวะนมที่ล้นจริงหรือไม่ ล้นที่ไหน ทำไมไม่เซ็นเอ็มโอยู  เป็นความรับผิดชอบของใคร ทำให้อุตสาหกรรมตกเป็นแพะ หรือจำเลยสังคม 

โดยสรุป การจัดสรรโควตานำเข้านมภายใต้กรอบ WTO และ FTA ปี 2569 ที่ประชุมเห็นควรนัดพิจารณาต่อในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 โดยมอบหมายให้กรมปศุสัตว์ และกรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา ต้องลุ้นว่าที่ประชุมจะมีมติออกมาเช่นใด