KEY
POINTS
“นมไทยไม่แท้” กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อน จากคลิปที่มีการระบุคำพูดตัดต่อให้สั้นจนหลายคนฟังแล้วดูเหมือน “ด้อยค่านมไทย” สร้างความตื่นตระหนกในหมู่ผู้บริโภคทันที
ล่าสุด “ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ นางสาววัชรี วรรณศรี ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คหรือนมตราวัวแดงคนใหม่ ที่มีภารกิจเร่งด่วนในการแก้ปัญหารับซื้อนํ้านมดิบในปริมาณมากแต่รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และการได้รับโควตาใน โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย อีกทั้งการนำเข้านมผงจากต่างประเทศในราคาถูก ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคานํ้านมดิบในประเทศ จนทำให้ อ.ส.ค.มีหนี้สินสะสมประมาณ 2,000 ล้านบาท
การันตีนม อ.ส.ค. นมโคสดแท้
นางสาววัชรี กล่าว ยืนยันว่า อ.ส.ค. ผลิตนมจากนํ้านมโคสดแท้ที่รับซื้อจากเกษตรกรโดยตรง ไม่มีการใช้วัตถุดิบอื่นทดแทน ทุกรอบการรับนํ้านมผ่านการตรวจคุณภาพเข้มงวด ก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในระบบปิดที่มีมาตรฐานระดับสากล GMP / HACCP / ISO 22000 เพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริโภคได้บริโภคนมที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และตรวจสอบย้อนกลับได้ นมไทย–เดนมาร์ค จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการพัฒนาเกษตรกรตามแนวพระราชดำริ และ อ.ส.ค. พร้อมเปิดโรงงานและศูนย์เรียนรู้ให้ตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส
“อ.ส.ค. เป็นหน่วยงานที่ถือภารกิจดูแลเกษตรกรโคนมไทยทั่วประเทศ เรามีหน้าที่รับซื้อนํ้านมดิบในราคาที่เป็นธรรม เพื่อให้เกษตรกรสามารถยืนได้อย่างมั่นคง ดังนั้นแม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน หรือมีสต็อกคงค้าง อ.ส.ค. ก็ยังคงรับซื้อนํ้านมต่อเนื่อง ไม่เคยลดหรือหยุด เพราะไม่เช่นนั้นเกษตรกรจำนวนมากจะได้รับผลกระทบโดยตรง นี่คือเหตุผลที่หลายหน่วยงาน เห็นความสำคัญและร่วมสนับสนุนเรามาโดยตลอด”
อย่างไรก็ดี ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้แนวทางสำคัญต่อ อ.ส.ค. คือ การทำให้อุตสาหกรรมโคนมไทยเป็นส่วนหนึ่งของ “ความมั่นคงทางอาหารของประเทศ” โดยยํ้าให้ดูแลราคานํ้านมดิบให้เป็นธรรม พัฒนาเทคโนโลยีฟาร์มและอาหารสัตว์ และขับเคลื่อนการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์นมไทยให้สามารถแข่งขันได้ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคงและยั่งยืน
อย่างไรก็ดีในส่วนของโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ช่วยกระตุ้นยอดขายได้ในระยั้น แต่หากต้องการทำให้การดื่มนมเป็นพฤติกรรมต่อเนื่อง จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจเรื่องคุณค่าทางโภชนาการและการเข้าถึงที่สะดวก ดังนั้น แนวทางของ อ.ส.ค. จึงไม่ได้มุ่งลดราคาเพียงอย่างเดียว แต่จะทำควบคู่กัน 3 ด้าน คือ 1.การให้ข้อมูลโภชนาการที่ถูกต้องแก่ประชาชน 2.การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับช่วงวัยและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป และ 3.การสร้างโครงสร้างราคาให้สามารถเข้าถึงได้ในทุกกลุ่มรายได้เพื่อให้เกิดการบริโภคอย่างยั่งยืน และส่งผลต่อสุขภาวะของประชาชนในระยะยาว
โชว์วิสัยทัศน์ รื้อโครงสร้างใหม่
แผนที่ทำให้กรรมการเชื่อมั่นและเลือกให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.อ.ส.ค. คือแนวคิดที่มองภาพใหญ่ของ “โครงสร้างทั้งระบบ” ตั้งแต่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมถึงผู้บริโภค ไม่ใช่เพียงยอดขายระยะสั้น โดยยํ้าว่าอุตสาหกรรมโคนมจะยั่งยืนได้เมื่อเกษตรกรอยู่ได้อย่างมั่นคง แผนหลักคือการเพิ่มมูลค่านํ้านมไทยผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพ และขยายช่องทางจำหน่ายให้เข้าถึงง่าย ราคายุติธรรม เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์-เกษตรกรมีรายได้มั่นคง พนักงานมีขวัญกำลังใจ และประชาชนได้บริโภคนมคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม
“สิ่งที่กรรมการเห็นคือเจตนาชัด ดิฉันไม่ได้มาเพื่อเปลี่ยนทุกอย่าง แต่เพื่อฟัง เรียนรู้ และต่อยอดของดีที่มีอยู่ ให้แข็งแรงขึ้น ด้วยความซื่อสัตย์และรับผิดชอบต่อประชาชนและเกษตรกร”
แผนปี 2569 โตจากเพิ่มมูลค่า
นางสาววัชรี กล่าวว่า ในปี 2569 อ.ส.ค. จะไม่เติบโตจากการเพิ่มกำลังผลิตเพียงอย่างเดียว แต่จะเติบโตจาก “มูลค่าเพิ่ม” ของสินค้าและความเชื่อมโยงเชิงนโยบาย กับภาคสังคม เยาวชน และสาธารณสุขซึ่งเป็นบทบาทของรัฐวิสาหกิจยุคใหม่ที่ยืนบนความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนไปพร้อมกัน
“เราต้องแก้ที่โครงสร้างก่อน ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ คือ 1. ด้านการผลิต เราได้เปลี่ยนระบบผลิตจากเดิมที่ผลิตก่อนแล้วหาตลาดทีหลัง มาเป็น “ผลิตตามความต้องการจริง” เพื่อลดสต็อกและลดต้นทุนสูญเสียทันที 2. ด้านการตลาด จะต้องเพิ่มช่องทางจำหน่ายที่เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น เช่น ร้านกาแฟ โรงเรียนเอกชน และจุดขายชุมชนและเปิดตัวผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม เช่น นมโปรตีนสูง และ Barista Milk เพื่อตอบเทรนด์ตลาด”
ที่สำคัญในด้านการรับซื้อนํ้านมดิบยืนยันหลักการไม่ลดการรับซื้อจากเกษตรกร แต่จะแก้ที่ราคาและประสิทธิภาพฟาร์ม ผ่านโครงการฟาร์มต้นแบบลดต้นทุนอาหารสัตว์ ให้เกษตรกรอยู่ได้จริง ไม่ใช่เพียงประคองระยะสั้น
“ส่วนด้านการฟื้นฟูการขาดทุน 2,000 ล้านบาทจะไม่แก้ด้วยการตัดคุณภาพหรือหยุดลงทุน แต่จะแก้ด้วยรายได้ใหม่ บวกการบริหารต้นทุนแบบมีข้อมูล เราได้กำหนด KPI ที่วัดได้ คือลดต้นทุน 5-8% และเพิ่มยอดขายรวมเป็น 8,000-8,300 ล้านบาทในปี 2569” นางสาววัชรี กล่าว
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,149 วันที่ 16 -19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568