จับตาสินค้าเกษตร ข้าวทรงตัว-ยางพุ่งรับผลผลิตลด หมูขยับ 4 บาทแรงหนุน ‘คนละครึ่งพลัส’

15 พ.ย. 2568 | 08:39 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ย. 2568 | 08:55 น.

ภาวะสินค้าเกษตรสัปดาห์ 10–14 พ.ย. 2568 ราคาข้าวยังนิ่งในระดับต่ำ ขณะยางพาราขยับขึ้นตามผลผลิตลดจากฝนชุก ด้านหมูมีชีวิตดีดเพิ่ม 4 บาทต่อกก. หลังมาตรการ “คนละครึ่งพลัส” ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ส่งสัญญาณตลาดเกษตรโค้งท้ายปี ‘คึกแต่ระแวดระวัง’

KEY

POINTS

  • ราคาข้าวเปลือกเจ้าโดยรวมยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
  • ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากฝนตกชุกทำให้เกษตรกรกรีดยางได้น้อยลง ส่งผลให้ผลผลิตลดลง
  • ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มปรับขึ้น 4 บาท โดยได้รับแรงหนุนจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการ “คนละครึ่งพลัส”

ภาวะตลาดสินค้าเกษตรประจำสัปดาห์ 10–14 พ.ย. 2568 สะท้อนความเคลื่อนไหวหลากหลายท่ามกลางปัจจัยกดดันทั้งในและต่างประเทศ ข้าวยังทรงตัวในระดับต่ำ ขณะที่ยางพาราปรับขึ้นตามปริมาณผลผลิตที่ลดลง ด้านหมูมีชีวิตขยับราคาเพิ่มจากแรงกระตุ้นกำลังซื้อของมาตรการ “คนละครึ่งพลัส” ขณะที่สินค้าอื่นเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด

ราคาข้าวเปลือก : ทรงตัว

ข้อมูลจากสมาคมโรงสีข้าวไทย  ราคาข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 25% ที่เกษตรกรขายได้ (ณ วันที่ 14 พ.ย. 2568) เฉลี่ยต่ำสุด-สูงสุดอยู่ที่ 4,900-5,600 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% เฉลี่ยที่ 6,200-6,800 บาทต่อตัน

เทียบกับสัปดาห์ก่อน (ณ วันที่ 7 พ.ย. 2568) ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 25% ราคาเฉลี่ยต่ำสุด-สูงสุด อยู่ที่ 4,900-56,00 บาท   และข้าวเปลือกความชื้น 15% ราคาเฉลี่ยที่ 6,100-6,800 บาทต่อตัน ซึ่งโดยภาพรวมราคาข้าวเปลือกเจ้ายังทรงตัว

แนวโน้ม : คาดยังทรงตัว

ยางพารา : ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ข้อมูลจากการยางแห่งประเทศไทย(กยท.)  ราคายางพารา (ราคาประมูล ณ ตลาดกลางยางพารา จ.สงขลา) ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ยางแผ่นดิบ 56.10 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ยางแผ่นรมควันชั้น3 อยู่ที่ 60.33 บาทต่อกิโลกรัม

เทียบกับสัปดาห์ก่อน(ณ วันที่ 7 พ.ย. 2568) ยางแผ่นดิบ อยู่ที่ 55.55 บาทต่อกิโลกรัม และยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 58.95 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งโดยภาพรวมราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากฝนตกชุกในช่วงที่ผ่านมา เกษตรกรกรีดยางได้ลดลง ผลผลิตน้อย ความต้องการตลาดเพิ่ม

แนวโน้ม : ทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

 

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ : ราคาทรงตัว

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ณ ไซโลโรงงานอาหารสัตว์ ยืนราคาอยู่ที่หาบละ 588 บาท หรือกิโลกรัมละ 9.80 บาท ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าที่นครชิคาโก (CBOT) วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานสัญญาข้าวโพด รอบส่งมอบเดือนธันวาคม 2568 เพิ่มขึ้น 6.25 เซนต์ หรือ +1.44% ปิดที่ 4.4150 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาข้าวโพดแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 เดือน ก่อนการรายงานข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA)

โดยกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยภาพรวมอุปทานและอุปสงค์โลกครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายนในวันที่ 14 พฤศจิกายน หลังการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ(ชัตดาวน์) นาน 43 วัน ทำให้การเปิดเผยข้อมูลทางการหยุดชะงัก ก่อนที่การชัตดาวน์สิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า รายงานของ USDA ในวันศุกร์นี้มีความสำคัญต่อตลาดมาก เพราะตลาดจะได้ตัวเลขจริง

 แนวโน้ม : คาดว่าราคาข้าวโพดในประเทศน่าจะทรงตัว

กากถั่วเหลือง : ราคาลดลง

กากถั่วเหลืองจากเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้า ราคาปรับลดลงจากกิโลกรัมละ 14.80 บาท เป็น 14.60 บาท ภาวะการเพาะปลูกฝั่งสหรัฐอเมริกาเก็บเกี่ยวแล้วประมาณ 90% ขณะที่ฝั่งประเทศบราซิลเริ่มเพาะปลูกถั่วเหลืองแล้ว 48% หลังจากราคาถั่วเหลืองขึ้นไประดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน ราคามีปรับตัวลงเล็กน้อยแต่ยังค่อนข้างแข็งตัว จากข่าวที่จีนเริ่มมีการซื้อจริงกับฝั่งสหรัฐอเมริกา 

ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าที่นครชิคาโก (CBOT) วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่า สัญญาถั่วเหลืองรอบส่งมอบเดือนมกราคม 2569 เพิ่มขึ้น 13.25 เซนต์ หรือ +1.17% ปิดที่ 11.4700 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 17 เดือน ขณะที่นักลงทุนรอรายงานผลผลิตของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะปรับลดประมาณการผลผลิต พร้อมทั้งเตรียมตัวรับข้อมูลการส่งออกที่จะกลับมาเผยแพร่ เพื่อบ่งชี้แนวโน้มการซื้อของจีน

 แนวโน้ม : คาดว่าราคาถั่วเหลืองนำเข้าน่าจะทรงตัว

ปลาป่น : ราคาทรงตัว

โควตาการจับปลาที่เปรู ฤดูกาลปลายปีนี้ คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 1.6 ล้านตัน ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ (มากกว่า 2 ล้านตัน) ค่อนข้างมาก ทำให้ราคาในตลาดแข็งตัว ด้านราคารับซื้อปลาป่นที่จีนยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากข่าวโควตาการจับปลาที่เปรูจะน้อยกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่ปริมาณการซื้อหน้าท่าทรงตัว และปริมาณสต็อกปลาป่นลดลง

สำหรับสถานการณ์ราคาปลาป่นในประเทศยังคงทรงตัว โดยปลาป่นเกรดกุ้ง อยู่ที่กิโลกรัมละ 46 บาท ส่วนปลาป่นเบอร์ 1 เกรดที่สูงกว่า 60 โปรตีนขึ้นไป อยู่ที่กิโลกรัมละ 40.70 บาท และปลาป่นเกรดที่ต่ำกว่า 60 โปรตีน อยู่ที่กิโลกรัมละ 35.70 บาท ส่วนปลาป่นเบอร์ 2 ชนิดโปรตีนสูงกว่า 60 โปรตีนขึ้นไป อยู่ที่กิโลกรัมละ 37.20 บาท และปลาป่นเบอร์ 2 ชนิดที่มีโปรตีนสูงกว่า 56 แต่ไม่เกิน 60 โปรตีน ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 34.70 บาท

 แนวโน้ม : คาดว่าราคาปลาป่นน่าจะปรับตัวขึ้น

สุกร : ราคาเพิ่มขึ้น

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ รายงานข้อมูลราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม (สัปดาห์ที่ 46/2568) ประจำวันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ทุกภูมิภาคขยับราคาต่อเนื่อง 4 บาท โดยปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับ 77.50 - 86.25% ของต้นทุนการผลิต

 คนละครึ่งพลัส ยังคงกระตุ้นการจับจ่าย โดยมีคนละครึ่งพลัส เฟส 1.5 (ก่อนเริ่มเฟส 2) ที่จะไม่ใช่แค่ฟื้นเศรษฐกิจในระยะสั้นอย่างเดียว เพราะรัฐบาลต้องการให้ได้ผลในระยะยาว คือ เพิ่มทักษะการค้าให้พ่อค้าแม่ค้า ที่จะเป็นปัจจัยเสริมก่อนเริ่มเฟส 2

ภาคตะวันตก    62-64 บาทต่อกิโลกรัม

ภาคตะวันออก   62-66 บาทต่อกิโลกรัม

ภาคอีสาน    66 บาทต่อกิโลกรัม

 ภาคเหนือ  67-69 บาทต่อกิโลกรัม

 ภาคใต้   64 บาทต่อกิโลกรัม

ด้านลูกสุกรน้ำหนัก 16 กิโลกรัมต่อตัว ราคาอยู่ที่ 1,800 บาท (บวก/ลบ 62)

 แนวโน้ม : คาดว่าราคาสุกรน่าจะทรงตัว

ไก่เนื้อ : ราคาทรงตัว

กลุ่มวิจัยเศรษฐกิจการปศุสัตว์ กองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ รายงานราคาเฉลี่ยสินค้าปศุสัตว์ที่เกษตรกรขายได้ ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ราคาไก่เนื้อ อยู่ที่กิโลกรัมละ 36 บาท ด้านลูกไก่เนื้อ อยู่ที่ตัวละ 18.50 บาท และลูกไก่ไข่ ตัวละ 28.00 บาท

 แนวโน้ม : คาดว่าราคาไก่เนื้อน่าจะทรงตัว

ไข่ไก่ : ราคาเพิ่มขึ้น

เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ 4 แห่ง แจ้งราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเกษตรกร ฟองละ 3.20 บาท ปรับขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ฟองละ 3.00 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป

 แนวโน้ม : คาดว่าราคาไข่ไก่น่าจะทรงตัว