KEY
POINTS
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมค้าต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ว่า ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิงได้กราบบังคมทูลต่อหน้าพระพักต์ในหลวง จีนซื้อข้าวไทย 5 แสนตัน ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13 - 17 พ.ย. 2568 นั้น ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับประเทศไทย
ทั้งนี้กรมการค้าต่างประเทศ จะเตรียมการเจรจากับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของจีน(COFCO) ถึงรายละเอียดต่างๆ ตั้งแต่ ชนิดข้าว ปริมาณ ราคา และการส่งมอบ เบื้องต้นคาดจะนัดเจรจากับหน่วยงานจีนแบบการประชุมทางไกลก่อน อย่างเร็วสุดภายในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ ปริมาณข้าว 5 แสนตันที่จีนจะซื้อ รวมกับสิงคโปร์ ที่ระบุซื้อข้าวไทยในรอบ 1 แสนตัน จะมีส่วนสำคัญต่อการผลักดันปริมาณส่งออกข้าวไทยในปี 2568 เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7.5 ล้านตัน
นางอารดา กล่าวว่า สำหรับส่งออกข้าวปีหน้า 2569 เชื่อว่าจะดีกว่าปีนี้ ยังลุ้นว่าจะเกิน 8 ล้านตันได้ โดยปัจจัยเอื้อหลายประเด็น คือ
1.ราคาข้าวโลกยังอยู่ระดับต่ำ ขณะที่คุณภาพข้าวไทยได้รับการยอมรับจากประเทศผู้นำเข้า
2.หลายประเทศประสบปัญหาภัยพิบัติธรรมชาติ กระทบต่อผลผลิตและสต๊อกข้าวลดลง
3.ในปี2568 ประเทศผู้นำเข้าอั้นการซื้อ
ทั้งนี้ในการประชุมข้าวโลกที่ไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อ 2 วันก่อน รับทราบจากหน่วยงานนำเข้าของหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ ระบุ สต็อกข้าวในประเทศเหลือเพียงพออีก 80 วัน เชื่อว่าจะมีการนำเข้าก่อนปีใหม่หรือต้นปีหน้าก่อนเข้าเทศกาลตรุษจีน
โดยการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าวแห่งชาติ ( นบข.)วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ โดยกรมฯ จะรายงานสถานการณ์ส่งออกและเจรจาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ที่ได้มีหลายประเทศในเอเชียและตะวันออกกลางแสดงความสนใจ
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การซื้อข้าวของจีนปริมาณ 500,000 ตัน เป็นจิตวิทยาทำให้ตอนนี้ชาวนาชะลอขาย โรงสีรอดูสถานการณ์ แต่จะซื้อจริงอย่างไร คงต้องอยู่ที่คอนเน็คชั่นที่ไปเจรจา เพราะขณะนี้เบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียด ทั้งราคา ปริมาณการส่งมอบ และระยะเวลา ว่าจะมีการส่งมอบเมื่อไหร่ เพราะ500,000 ตัน ถ้าส่งมอบภายใน1 ปีอาจจะไม่มีผลต่อตลาดเท่าไหร่ แต่ถ้า 500,000 ตัน ส่งมอบภายใน 3 เดือน 5 เดือน จะทำให้ตลาดกับมากระเตื้องขึ้นได้
ทั้งนี้ อยู่ที่กรมการค้าต่างประเทศ(คต.)จะไปเจรจากับ COFCO Corporation ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำด้านการเกษตรและอาหารของจีนที่ต้องมี่คอนเน็ตชันแน่นในการไปเจรจาด้วย ทั้งราคาและระยะเวลาการส่งมอบ
“เป็นจิตวิทยาที่ดี เพราะยังไงตอนนี้จีนก็ต้องซื้อข้าวไทยแน่นอน แต่อยู่ที่ระยะเวลาการส่งมอบว่ากี่เดือน ยิ่งส่งมอบระยะเวลาสั้นยิ่งดีต่อตลาด และยังเป็นจิตวิทยาที่ทำให้ตลาดชะลอการขาย เพราะราคาข้าวเปลือกในประเทศขณะนี้อยู่ที่ตันละ 5500 บาทยังไม่ดีขึ้น"
นายชูเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับการส่งออกข้าวปีนี้คาดว่าน่าจะเกินเป้าที่ตั้งไว้ 7.5 ล้านตัน เพราะ 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ได้ส่งออกไปแล้ว 6.7 ล้านตัน ดังนั้นอีก 2 เดือน คือ พ.ย. และธ.ค. ถ้าส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 700,000 ตัน น่าจะเกินเป้า ประกอบกับเป็นปกติของต้นฤดูการผลิต ที่ข้าวออกใหม่ ทำให้มีลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อจำนวนมาก เพื่อสต็อกไว้ช่วงเทศกาลปีใหม่ ดังนั้นส่งออกปีหน้าจะมากกว่า 8 ล้านตัน ต้องบอกว่ายังต่ำมากถ้าเทียบกับปี 2567
สำหรับราคาข้าวFOB ข้าวขาว 5 % ของไทยอยู่ที่ 340 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เท่ากับข้าวของปากีสถาน ส่วนคู่แข่งอย่างเวียดนาม ราคาอยู่ที่ 360 ดอลลาร์ต่อตัน และอินเดียราคาอยู่ที่ 350 ดอลลาร์ต่อตัน
ภาพรวมปีหน้าปริมาณข้าวยังโอเวอร์ซัพพลาย การแข่งขันด้านราคายังสูง เพราะหลายประเทศมีผลผลิตที่ดี จากปริมาณฝนที่เพียงพอ อีกทั้งผู้ซื้อไม่รีบซื้อหรือซื้อเท่าที่จำเป็น และไม่ซื้อเพื่อสต็อก