KEY
POINTS
ญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในคู่ค้าและตลาดสำคัญของการส่งออกไทย และญี่ปุ่นยังเป็นนักลงทุนที่มีมูลค่าการลงทุนสะสมในไทยมากที่สุด โดยการค้าไทย-ญี่ปุ่นปี 2567 มีมูลค่ารวม 52,011 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.83 ล้านล้านบาท) โดยไทยส่งออก 23,286 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (8.17 แสนล้านบาท) และนำเข้า 28,725 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.01 ล้านล้านบาท)
ขณะที่ช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ การค้าไทย-ญี่ปุ่นมีมูลค่ารวม 35,450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.18 ล้านล้านบาท) โดยไทยส่งออก 15,637 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5.18 แสนล้านบาท) นำเข้า 19,813 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.64 แสนล้านบาท) ไทยขาดดุลการค้าญี่ปุ่น 4,177 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.46 แสนล้านบาท)
นายฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ อัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) ประจำสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มูลค่าการค้าโดยรวมของไทยกับญี่ปุ่นในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ยังเป็นไปในทิศทางบวก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ชะลอตัว เงินเยนอ่อนค่า ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง
สำหรับในปี 2568 ทางสำนักงานฯ มองเป้าหมายการส่งออกไทยไปญี่ปุ่นขยายตัวที่ 2% โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยกิจกรรมในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะมุ่งเน้นการผลักดันการส่งออกในกลุ่มสินค้าอาหาร และธุรกิจบันเทิง ได้แก่ เกมและภาพยนตร์ซีรีส์วายที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น ซึ่งในปีที่ผ่านมาไทยสามารถส่งออกเกมได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท และภาพยนตร์ซีรีส์ประมาณ 1,000 ล้านบาท
“การค้าไทย-ญี่ปุ่นยังขยายตัวต่อเนื่อง ท่ามกลางกำลังซื้อของผู้บริโภคในญี่ปุ่นที่ลดลง ข้าวของแพงขึ้น คนยังเงินเดือนเท่าเดิม ส่วนหนึ่งที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่ค่อยดี มาจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าเป็นหลัก ต่างชาติเที่ยวญี่ปุ่นของจะถูกลง แต่สำหรับคนญี่ปุ่นเวลาซื้อของจากต่างประเทศจะแพงขึ้น ทำให้ต้องรัดเข็มขัดประหยัดการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งคนญี่ปุ่นมีวินัยทางการเงินคือต้องมีเงินก่อนถึงค่อยใช้”
นายฉันทพัทธ์ เผยอีกว่า จากที่ไทยยังขาดดุลการค้าญี่ปุ่น เหตุผลสำคัญส่วนหนึ่ง มาจากบริษัทญี่ปุ่นมาตั้งฐานการผลิตในไทย เช่น การผลิตรถยนต์ ต้องนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญบางรายการจากญี่ปุ่นเข้ามาผลิตเพื่อขายในประเทศ และเพื่อส่งออก ขณะเดียวกันก็มีชิ้นส่วนรถยนต์จากไทยที่ญี่ปุ่นนำเข้าเพื่อไปผลิตส่งออก ซึ่งหากการส่งออกรถยนต์ในญี่ปุ่นไปได้ดี เช่น ส่งออกไปสหรัฐได้เพิ่ม ก็จะส่งผลให้ไทยส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ไปญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
กรณีล่าสุดที่สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นได้บรรลุข้อตกลงด้านภาษี (Reciprocal Tariff) โดยสหรัฐได้ลดภาษีสินค้าญี่ปุ่นจากเดิม 24% ลงเหลือ 15% (มีผลบังคับใช้ 7 ส.ค. 2568) โดยส่วนหนึ่งข้อตกลง ญี่ปุ่นจะมีการนำเข้าสินค้าข้าวจากสหรัฐภายใต้กรอบโควตาตามข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) ที่ได้รับการยกเว้นภาษีปีละ 770,000 ตัน (ปกติญี่ปุ่นนำเข้าจากสหรัฐปีละประมาณ 3 แสนตัน จากไทยปีละประมาณ 3 แสนตัน ที่เหลือนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ)
เรื่องดังกล่าวจะไม่กระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในญี่ปุ่น แต่ยอมรับว่าอาจทำให้ไทยเสียตลาดข้าวบางส่วนในญี่ปุ่นให้สหรัฐ อย่างไรก็ดี ตลาดญี่ปุ่นยังมีความต้องการข้าวเฉพาะกลุ่มที่ไทยมีความสามารถในการผลิต เช่น ข้าวหอมมะลิและข้าวคุณภาพสูงอื่น ๆ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์เพื่อให้ญี่ปุ่นคงการนำเข้าข้าวจากไทยต่อไป