ลุยดูข้าวหอมมะลิอีสาน สมาคมแฉบาทแข็งทุบรายได้ชาวนาหาย 1,250 บาทต่อตัน

01 พ.ย. 2568 | 18:30 น.

สมาคมผู้ส่งออกข้าวฯ ลุยอีสาน สำรวจผลผลิตข้าวหอมมะลิ ชี้บาทแข็งค่ากระหน่ำซ้ำรายได้ชาวนาหาย 1,250 บาทต่อตัน จวกนโยบายรัฐอุดหนุนข้าวเฉียดล้านล้านแต่ไร้ผล หากนำงบสร้าง “เขื่อนโขง–เลย–ชีมูล” จะช่วยให้ชาวนาอีสานทำนาได้ทั้งปี ขณะตลาดโลกปี 69 ผวาอินเดียเทข้าว 20 ล้านตันถล่มราคา

 

ลุยดูข้าวหอมมะลิอีสาน สมาคมแฉบาทแข็งทุบรายได้ชาวนาหาย 1,250 บาทต่อตัน

สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย นำทัพสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จัดประชุมประเมินภาวะการณ์ผลิตและการค้าข้าวนาปี ปีการเพาะปลูก 2568/69  ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม-1  พฤศจิกายน 2568 จัดประชุมที่โรงแรมพูลแมน จังหวัดขอนแก่น โดยในช่วงเช้าจัดพบปะร่วมวงกับสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยและศูนย์ข้าวชุมชน 14 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และช่วงบ่ายเป็นของสมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมโรงสีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสมาชิก เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เพื่อประเมินผลผลิต ปัญหาและอุปสรรคการค้าขายที่สำคัญ และในปี 2569 เพื่อให้ทุกฝ่ายรับมือผลกระทบรอบด้าน

ลุยดูข้าวหอมมะลิอีสาน สมาคมแฉบาทแข็งทุบรายได้ชาวนาหาย 1,250 บาทต่อตัน

นายวันนิวัต กิติเรียงลาภ รองเลขาธิการสมาคมส่งออกข้าวไทย  กล่าวถึงสถานการณ์ตั้งแต่ต้นปี 2568 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น กว่า 7% ขณะที่ประเทศผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญ เช่น อินเดีย เวียดนาม และปากีสถาน ต่างมีค่าเงินอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ความแตกต่างด้านอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างไทยกับคู่แข่งสูงถึง 10% ทำให้ไทยขายของได้ยาก เนื่องจากแพงกว่าคู่แข่ง ซึ่งเป็นการเสียเปรียบในด้านราคา ซึ่งทำให้สัดส่วนต่างค่าเงินเมื่อเทียบกับไทย เช่น อินเดีย ต่างกันถึง 10.8% ,เวียดนาม 11.3% และปากีสถาน 9.5% เป็นต้น

ลุยดูข้าวหอมมะลิอีสาน สมาคมแฉบาทแข็งทุบรายได้ชาวนาหาย 1,250 บาทต่อตัน

 

ยกตัวอย่างหากผู้ส่งออกไทย อินเดีย เวียดนามและปากีสถาน  ต่างขายข้าว 5%  ในราคาเอฟโอบี 350 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันเท่ากัน เมื่อนำมาคำนวณเป็นเงินบาท จะได้เงิน 11,025 บาท  

ลุยดูข้าวหอมมะลิอีสาน สมาคมแฉบาทแข็งทุบรายได้ชาวนาหาย 1,250 บาทต่อตัน

ขณะที่ประเทศคู่แข่งได้เปรียบเงินอ่อนกว่าก็จะได้รับเงินกลับประเทศมากกว่าไทยถึง 1,000-1,250 บาทต่อตัน ซึ่งหมายความว่า ทางสมาคม โรงสี และชาวนาไทยจะได้รับเงินรายได้น้อยกว่าประเทศคู่แข่งขันทันที ทั้งกระดาน จากผลของค่าเงินบาทแข็ง ไม่ใช่เพราะราคาขาวต่ำกว่า แต่เป็นเพราะความเสียเปรียบด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรง และผู้ที่จะสามารถควบคุมค่าเงินบาทได้ก็คือรัฐบาล เพราะฉะนั้นอยากจะสื่อไปถึงเกษตรกรให้เข้าใจกัน ในเวลาที่ผู้ส่งออกพูดถึงค่าเงินบาทไม่ว่าจะอ่อนกี่หรือแข็งค่าขึ้นเปอร์เซนต์ขอให้คำนึงได้ว่ามีผลกระทบกับรายได้ของชาวนา

 

ลุยดูข้าวหอมมะลิอีสาน สมาคมแฉบาทแข็งทุบรายได้ชาวนาหาย 1,250 บาทต่อตัน

นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยว่า เป็นประจำทุกปีทางสมาคมผู้ส่งออกข้าว จะนำสมาชิกลงพื้นที่เพื่อสำรวจผลผลิตข้าวหอมมะลินาปี เป็นฟันเฟืองในการส่งออกที่สำคัญ ซึ่งในอดีตเคยส่งออกได้ถึง 2 ล้านตันข้าวสาร ในขณะนั้นทั่วโลกมีตลาดข้าวหอมประมาณ 2.5 ล้านตัน แต่ปัจจุบันมีตลาดข้าวหอมทั่วโลกประมาณ 5 ล้านตัน แต่ไทยส่งออกได้ประมาณ 1.5 ล้านตัน เมื่อพิจารณาเปอร์เซ็นต์น้อยลงมากก็จะต้องมาหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ก็คือชาวนาและโรงสี เพื่อหาทางแข่งขันสู้กับประเทศอื่นๆ ได้อย่างไร

 

ปัจจุบันตลาดข้าวหอม ประเทศเวียดนาม สามารถส่งออกได้ถึง 3 ล้านตัน ดังนั้นไทยเองจำเป็นต้องมีพันธุ์อื่นเข้ามาทดแทนตลาดให้มีทางเลือกมากกว่าข้าวหอมมะลิ ซึ่งในปีนี้ฝนมาสม่ำเสมอ ประเมินว่าผลผลิตไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา และต้องรออีกสักระยะหนึ่งเพื่อรอดูผลผลิตข้าวหอมมะลิ 105 ช่วงที่ออกมาแล้วผลผลิตจะเป็นอย่างไร เพราะถ้าผลผลิตต่อไร่ดี ก็แสดงว่าผลผลิตโดยรวมน่าจะดีขึ้น

ลุยดูข้าวหอมมะลิอีสาน สมาคมแฉบาทแข็งทุบรายได้ชาวนาหาย 1,250 บาทต่อตัน

ขณะที่เวียดนามก็ชิงความได้เปรียบโดยการนำเข้าข้าวจากอินเดียถึง 4 ล้านตัน ในราคาถูก มาใช้ในประเทศ ผลิตแป้ง เข้าโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆแล้วนำข้าวพันธุ์ดีส่งออกขายทั่วโลก แต่ถ้าเมืองไทยพูดถึงนำเข้าข้าวไม่ได้กลัวไปหมด นี่คือปัญหา แล้วแต่ละอย่างของเวียดนามพันธุ์ข้าวที่ปลูกจะพอดีกับความต้องการใช้ ทำให้ราคาไม่ผันผวน แต่ในเมืองไทยอยากจะปลูกอะไรก็ปลูกกัน ยกตัวอย่างข้าวหอมปทุมธานี บางช่วงชาวนาก็ไม่ปลูก ก็ส่งผลทำให้ราคาใกล้เคียงกับข้าวหอมมะลิ หรือบางช่วงเห็นราคาดีก็แห่กันปลูก ราคาก็ตกต่ำลงมาเท่าข้าวขาว ทำให้ผู้ส่งออกทำการตลาดไม่ได้

ลุยดูข้าวหอมมะลิอีสาน สมาคมแฉบาทแข็งทุบรายได้ชาวนาหาย 1,250 บาทต่อตัน

“ถ้าไปขายข้าวหอมปทุมธานี วันหนึ่งต้องขายราคาเท่าหอมมะลิก็ไม่มีใครซื้อ  หรือวันหนึ่งต้องไปขายถูกใกล้เคียงกับข้าวเจ้า เพราะฉะนั้นการทำการตลาดยาก ในประเทศควรมีการควบคุมจะต้องมานั่งพูดคุยหารือกันในแนวนโยบายระยะยาวว่าเราจะทำกันอย่างไรไม่ใช่นโยบายสนับสนุนด้านราคามาตลอดแล้วใช้เงินมากกว่า 1 ล้านล้านบาท แล้ว ถ้านำเงินก้อนนี้มาทำโครงการโขงชีมูล ก็จะช่วยทำให้อีสานมีน้ำทำนาได้ตลอดทั้งปีแล้ว”  นายเจริญ กล่าว

ลุยดูข้าวหอมมะลิอีสาน สมาคมแฉบาทแข็งทุบรายได้ชาวนาหาย 1,250 บาทต่อตัน

สอดคล้องนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ในปี 2569 คาดว่าจะส่งออก ได้ที่ 7.5 ล้านตัน  ตัวเด่นก็คือ ข้าวหอมมะลิ อาจจะลดลงบ้าง ก็เนื่องจากข้าวประเทศกัมพูชา ที่ขายไม่ออก โดยปกติเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วจะไหลมาที่ประเทศไทย แล้วสวมเป็นข้าวหอมมะลิ แต่เมื่อปิดด่านข้าวจะไหลไปประเทศเวียดนามแทน ก็ทำให้เวียดนามมีความหอมที่จะขายแข่งกับไทยมากขึ้น และมีคุณภาพใกล้เคียงกับหอมมะลิ แล้วขายในราคาถูกกว่า ก็จะส่งผลทำให้ส่งออกข้าวหอมมะลิปรับตัวลดลง

ลุยดูข้าวหอมมะลิอีสาน สมาคมแฉบาทแข็งทุบรายได้ชาวนาหาย 1,250 บาทต่อตัน

แต่โชคดี สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุด ยังไม่ซื้อข้าวจากประเทศเวียดนาม ก็หวังว่าไทยจะยังคงตลาดนี้ไว้ได้  ส่วนที่จะเป็นปัจจัยลบมากที่สุดก็คือข้าวขาว ก็มีคู่แข่งมากทั้งปากีสถาน เมียนมา เวียดนาม รวมทั้งกัมพูชา ซึ่งตรงนี้คิดว่าส่วนที่ยังลำบากมากอยู่ในปีหน้า โดยเฉพาะประเทศอินดีย หากมีการระบายข้าว 20 ล้านตัน น่าจะออกมาในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด คาดว่า 300 ดอลาร์สหรัฐต่อตัน ก็จะทำให้มีแรงจูงใจหลายประเทศจะหันสนใจที่จะซื้อ 

อย่างไรก็ดีโดยภาพรวมประเทศไทยควรปลูกข้าวให้น้อยลง หันไปทำเพืชกษตรตัวอื่นที่มีรายได้ดีกว่า และในอนาคตก็อาจจะส่งออกแค่เฉพาะข้าวหอม ไม่จำเป็นจะต้องส่ง 8-9 ล้านตัน อาจจะส่งแค่ 4-5 ล้านตัน แค่ข้าวคุณภาพเพียงพอแล้ว อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมปทุมธานี และข้าวเหนียว เป็นต้น ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ง่ายที่จะโน้มน้าวให้เกษตรกรเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่น เนื่องจากอย่างน้อยเกษตรกรปลูกไว้รับประทานเองด้วย