แหล่งข่าวผู้ประกอบการโรงสี เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทผู้ค้าข้าว หรือ "หยง" เป็นผู้ประกอบการธุรกิจค้าข้าวมานานแล้ว จึงทำให้โรงสีมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันเป็นอย่างดีจึงดำเนินธุรกิจกันมาด้วยดี และก็มีการซื้อขายข้าวด้วยปกติ พอมาประมาณในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการชำระเงินของบริษัทมีความผิดปกติ มีการจ่ายเงินล่าช้า และพอมาถึงสัปดาห์นี้ฝ่ายโรงสีก็พยายามติดตามทวงเงินค่าข้าว มีโอนบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่ยอมตัดบัญชี (หมายความว่า กรณีขายข้าวแล้ว จะต้องจ่ายเงินชำระหมด แล้วจะตัดบัญชีส่งให้โรงสี ก็ถือว่าล้างยอดขายทั้งหมดแล้ว)
"แต่กรณีนี้ไม่ตัดบัญชี ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โรงสีเองก็เริ่มกังวลและก็ได้พยายามติดตาม ติดต่อ พอถวงถามไปเรื่อยๆ ก็ไม่สามารถติดต่อบริษัทหยงนี้ได้แล้วคาดความเสียหายสูงกว่า 200 ล้านบาท"
ต่อกรณีดังกล่าวนี้นายสุทธิ สานกิ่งทอง นายกสมาคมค้าข้าวไทย กล่าวว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าปัญหาเกิดจากสาเหตุอะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วถ้าโรงสีมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ จะทำห้การค้าขายระหว่างหยงกับ โรงสีหรือผู้ส่งออก ลำบากไหม โดยส่วนตัวว่าทำงานปกติ เพราะเป็นการค้าที่อาศัยเครดิตกัน เพราะการซื้อขายที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่หยง ที่เป็นปัญหาการเงินอย่างเดียว ก่อนหน้านั้นก็เคยมีทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย ก็มีปัญหาทำนองเดียวกัน มองว่าเป็นตัวบุคคล มากกว่า
“การเกิดลักษณะนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของหยงโดยรวมเสียหายอยู่แล้ว แต่ว่าการผิดชำระหนี้ค่าข้าวสามารถเกิดได้ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นยี่ปั๊ว หรือส่งออก ซึ่งก็ต้องขอดูสาเหตุว่าหยงเป็นปัญหาเกิดจากสาเหตุอะไร แล้วเป็นเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แล้วก็ยังไม่รู้ปัญหาชัดว่าเกิดจากพนักงาน หรือผู้บริหาร หรือเจ้าของบริษัท กำลังหาคำตอบกันอยู่”
นายสุทธิ กล่าวว่า บริษัทดังกล่าวไม่ได้เป็นสมาชิกอยู่ในสมาคม แล้วถ้าเกิดปัญหาในลักษณะนี้ทางสมาคมจะเป็นตัวกลางเรียกสมาชิกมานั่งพูดคุยกัน หรือช่วยกันตามได้ แต่พอเป็นบริษัทที่อยู่นอกสมาคม เมื่อไม่ใช่สมาชิกก็ไปทำอะไรไม่ได้ ต่อไปในอนาคตก็ให้ทางผู้ค้าก็เชิญชวนให้มาใช้บริการสมาชิกในสมาคมจะทำให้การติดตามได้ง่ายขึ้นถ้าเกิดมีปัญหาในลักษณะดังกล่าวนี้ ปัจจุบันมีกว่า 20 บริษัท
สมาคมค้าข้าวไทย รายงานราคาข้าวตลาดกรุงเทพฯ เป็นราคาตามตัวอย่างที่ผู้ส่งออกได้รับซื้อจากโรงสี ประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2568