โอกาสทองโค้งสุดท้าย ‘ข้าวไทย’ ราคาตํ่าสุดรอบ 15 ปี ลุ้นส่งออก 8 ล้านตัน

16 ต.ค. 2568 | 22:13 น.

ตลาดค้าข้าวโลกปี 2568 ยังคงแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยมีอินเดีย เวียดนาม ไทย และปากีสถานเป็นหัวขบวน ขณะที่ในปีนี้ฝนฟ้าดี หลายประเทศปลูกข้าวได้เพิ่มขึ้น ผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ระงับการนำเข้า ทำให้อุปสงค์มีน้อยลง

KEY

POINTS

  • ราคาข้าวขาวส่งออกของไทยลดลงต่ำสุดในรอบ 15 ปี โดยมีสาเหตุหลักจากอินเดียกลับมาส่งออกข้าวเต็มตัวและค่าเงินบาทที่แข็งค่า
  • แม้ราคาจะตกต่ำ แต่คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกข้าวทั้งปีจะสูงถึง 8 ล้านตัน ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิม
  • ราคาข้าวส่งออกที่ลดลงสร้างความกังวลว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรในประเทศจะขายได้

ล่าสุด สถานการณ์ส่งออกข้าวไทยที่กำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของปี 2568 จะเป็นอย่างไร และทิศทางปี 2569 จะเป็นอย่างไรนั้น “ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์ นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กูรูวงการส่งออกข้าวไทยพบมีปัจจัยบวก และปัจจัยลบอยู่มากมาย

ราคาข้าวขาวตํ่าสุดรอบ 15 ปี

นายชูเกียรติ เผยว่า ช่วงตั้งแต่เดือนมกราคมถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ตัวเลขรวมใบขออนุญาตส่งออกข้าว ไทยส่งออกแล้วอยู่ที่ 6.15 ล้านตัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลงประมาณ 20% มีมูลค่าส่งออกกว่า 99,000 ล้านบาท จากปีที่แล้วช่วงเดียวกันส่งออก 1.53 แสนล้านบาท หรือลดลง 35.6% สาเหตุที่ปริมาณและมูลค่าการส่งออกลดลงไปมาก เนื่องจากราคาข้าวโดยรวม (ข้าวขาว ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ข้าวนึ่ง และข้าวอื่น ๆ) ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 19,000 บาทต่อตัน จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 23,200 บาท หรือลดลงประมาณ 18%

นอกจากนี้ ยังเป็นผลกระทบจากซัพพลายข้าวจำนวนมากจากอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่ในปีนี้ได้กลับมาส่งออกข้าวในกลุ่มข้าวขาวเต็มตัว จากปีที่แล้วระงับการส่งออก (เริ่มกลับมาส่งออกอีกครั้งช่วงปลายปี 2567)  และยังเป็นผลจากเงินบาทที่แข็งค่ามากสุดในรอบ 4 ปี แตะที่ระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา จนถึงเวลานี้ก็ยังแข็งค่าที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์ กระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน และในการรับคำสั่งซื้อ

ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

“ราคาข้าวต่อหน่วยของไทยตกลงไปเยอะ โดยเฉพาะข้าวขาว ปีที่แล้วราคาอยู่ที่ 17-18 บาทต่อกิโลกรัม แต่ตอนนี้เหลือประมาณ 10 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% ซึ่งเป็นชนิดข้าวที่ไทยส่งออกมากสุด ณ ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 330 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (FOB) ถือเป็นราคาตํ่าสุดในรอบ 15 ปี (จากช่วงเดียวกันปีที่แล้วอยู่ที่ 450 ดอลลาร์ต่อตัน) เทียบกับราคาข้าวชนิดเดียวกันจากอินเดียเวลานี้ขายอยู่ที่ 350 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เวียดนาม 360 ดอลลาร์ ปากีสถาน 340 ดอลลาร์ และเมียนมา 310 ดอลลาร์ต่อตัน ส่วนราคาข้าวหอมมะลิไทยไม่ลดลงมาก ยังยืนอยู่ที่ระดับ 900 กว่าดอลลาร์ต่อตัน เนื่องจากตลาดสหรัฐซึ่งเป็นตลาดหลักช่วง 8 เดือนแรกปีนี้นำเข้ามากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 2%”

โอกาสทองดันส่งออกโค้งสุดท้าย

อย่างไรก็ดี จากราคาข้าวขาวของไทยที่ลดตํ่าลงมาก ขณะที่เวียดนามได้ส่งออกข้าวไปมากแล้วในช่วงต้นปี และจะมีผลผลิตข้าวนาปี ฤดูการผลิตใหม่ crop ใหญ่สุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2569 ช่วงนี้มีข้าวนาปรังออกมาจำหน่ายประปราย มองว่าจะเป็นโอกาสในการส่งออกข้าวไทยในเดือนที่เหลือของปีนี้ถึงต้นปีหน้า โดยช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ที่ไทยจะมีข้าวนาปีในฤดูการผลิตใหม่ออกมา ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด ไทยน่าจะมีโอกาสส่งออกข้าวได้เดือนละไม่ตํ่ากว่า 7 แสนตัน หรือรวมมากกว่า 2 ล้านตัน เมื่อรวมกับที่ส่งออกได้แล้วก่อนหน้านี้คาดทั้งปี 2568 ไทยจะส่งออกข้าวได้ถึง 8 ล้านตัน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ที่ 7.5 ล้านตัน

โอกาสทองโค้งสุดท้าย ‘ข้าวไทย’ ราคาตํ่าสุดรอบ 15 ปี ลุ้นส่งออก 8 ล้านตัน

อย่างไรก็ตาม การส่งออกข้าวช่วงเดือนมกราคมถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ไทยอยู่อันดับ 3 ของโลก อันดับหนึ่งคือ อินเดีย ส่งออกแล้วประมาณ 17 ล้านตัน เวียดนาม 7 ล้านตัน ไทย 6.1 ล้านตัน และปากีสถานอยู่ที่ 4 ล้านตัน ตลาดหลักที่ซื้อข้าวไทยมากสุดคือ อิรัก ช่วง 8 เดือนแรกนำเข้าไปแล้ว 670,000 ตัน (ส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว) รองลงมาคือ สหรัฐอเมริกา 544,000 ตัน (ส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิ) แอฟริกาใต้ 540,000 ตัน (ส่วนใหญ่เป็นข้าวนึ่ง) และจีน 467,000 ตัน (ส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว)

ห่วงกระทบราคาข้าวเปลือกชาวนา

นายชูเกียรติ ยอมรับว่า จากราคาข้าวขาวของไทยที่ลดลงมากในรอบ 15 ปี จะส่งผลถึงราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรในประเทศขายได้ลดลง ซึ่งเวลานี้ชาวนาขายข้าวได้ที่ระดับ 5,000-6,500 บาทต่อตัน (ขึ้นกับค่าความชื้น) และจะมีผลผลิตข้าวนาปีในฤดูการผลิตใหม่ ปีการเพาะปลูก 2568/69 ออกมาในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าจะมีผลผลิตที่ดีจากฝนตกสมํ่าเสมอ เกษตรกรมีนํ้าทำนา และผลผลิตไม่เสียหายมาก โดยทั้งปี 2568 คาดว่าไทยจะมีผลผลิตข้าวเปลือกประมาณ 34-35 ล้านตัน (จากปีที่แล้วประมาณ 31-32 ล้านตัน) คิดเป็นข้าวสารประมาณ 20-21 ล้านตัน

“ที่เราห่วงเวลานี้ นอกจากราคาข้าวส่งออกที่ลดลงจะส่งผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือกและราคาข้าวสารในประเทศแล้ว ยังห่วงเรื่องข้อพิพาทไทย-กัมพูชาที่ส่งผลทำให้ข้าวกัมพูชาไม่สามารถส่งออกมาไทยได้เหมือนทุกปี จากมีการปิดด่านชายแดน ซึ่งจะส่งผลให้ข้าวเปลือกจำนวนมากที่โรงสีในกัมพูชาไม่สามารถรองรับได้ จะถูกส่งไปยังเวียดนาม และสีแปรรูปส่งออกแข่งกับข้าวหอมมะลิไทย โดยข้าวหอมมะลิที่ปลูกในกัมพูชา (เรียกว่าข้าวดอกมะลิ หรือ KDM) มีคุณลักษณะเช่นเดียวกับข้าวหอมมะลิไทย หากเวียดนามขายถูกกว่าไทย จะสามารถแย่งตลาดข้าวหอมมะลิไทยได้มากขึ้นในปีหน้า”นายชูเกียรติ กล่าว