ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ข้าวและชาวนาแห่งชาติ พ.ศ. .... มีหลักการจากปัญหาการปลูก การผลิต การจำหน่าย และการบริหารจัดการผลประโยชน์จากข้าวทั้งกระบวนการต้องประสบปัญหามาอย่างต่อเนื่องยาวนาน อันเป็นผลมาจากยังไม่มีกฎหมายที่จะทำให้ชาวนาผู้อยู่ในกลไกการผลิตข้าวและผลิตผลที่เกี่ยวเนื่องจากข้าว ได้ประกอบอาชีพได้อย่างเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืน
ทำให้เกษตรกรเสี่ยงต่อการขาดทุนและมีภาระอย่างมาก ทั้งปัจจัยการผลิตที่สูงขึ้น ปัญหาราคาตกตํ่า ผลผลิตลดลง รวมถึงความไม่เป็นธรรมทางด้านราคาข้าว ปัญหาสภาวะขาดการตลาดรองรับสินค้า ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำเนินชีวิต มีหนี้สินจำนวนมาก และขาดแรงจูงใจในการเข้าสู่อาชีพของคนรุ่นใหม่
นายสาธุ อนุโมทามิ นายกสมาคมนวัตกรรมเพื่อชาวนาและเกษตรกรไทย และอุปนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ในฐานะผู้ร่วมจัดทำ ร่าง พ.ร.บ. ข้าวและชาวนาแห่งชาติ พ.ศ. .... เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นับจากนี้ไปภายใน 45 วัน จะนำร่างกฎหมายนี้เผยแพร่ต่อสาธารณะ และออกไปรับฟังความคิดเห็นจากชาวนาทั่วประเทศ เรื่องนี้ถือเป็นมิติใหม่สำหรับชาวนา จากในอดีตที่ผ่านมาหลักการช่วยเหลือชาวนาของรัฐบาลจะมีทั้งการรับจำนำข้าว การประกันรายได้ รวมถึงการจ่ายเงินโดยตรงช่วยเหลือชาวนา โดยช่วยค่าเก็บเกี่ยว ไร่ละ 500-1,000 บาท เป็นต้น
อย่างไรก็ดี มาตรการของรัฐบาลยังไม่ตอบโจทย์ที่จะนำพาเกษตรกรไทยไปสู่ความยั่งยืน โดยมีความมั่นคงในอาชีพ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้นจึงเห็นควรที่จะมีกฎหมายออกมา ซึ่งมีความพิเศษที่แตกต่างจากสมัยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ไม่มีตัวแทนชาวนาเข้าไปร่วมร่างกฎหมาย แต่ร่างฉบับนี้จะเป็นการยกระดับ โดยมีกองทุนส่งเสริมพัฒนาศักยภาพและชาวนาเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างรายได้ให้เกิดขึ้น โดยจะมาจากการสมทบของสมาชิก และภาษีข้าวคุณภาพสูง และข้าวสุขภาพ
“ภาษีนี้จะคล้ายกับภาษีเหล้า เบียร์ โดยข้าวจากการค้าปลีกในทุกถุง ทุกกิโลกรัมจะเก็บเข้ากองทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 พร้อมจะขอทุนประเดิมจากรัฐบาลในการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมพัฒนาศักยภาพชาวนา 3,000 ล้านบาท ขณะที่ตามบทเฉพาะกาลจะมีกรมการข้าวเป็นหน่วยงานหลักในการแต่งตั้งคณะกรรมการข้าวและชาวนาแห่งชาติ ให้เสร็จภายใน 180 วัน นับตั้งแต่พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้”
นายสาธุ กล่าวอีกว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นความร่วมมือขององค์กรชาวนา ที่อยากจะสื่อสารไปทุกพรรคการเมืองว่า ต่อไปการแก้ปัญหาหรือจะทำนโยบายเกี่ยวกับชาวนา ขอให้ใช้กฎหมายฉบับนี้เป็นเครื่องมือเพื่อไปสู่การแก้ปัญหาได้จริง และจะเป็นผลงานของพรรคการเมืองนั้น ๆ ที่มาร่วมสนับสนุน
ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า แนวทางการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักการของร่างกฎหมาย เพื่อรองรับการดำเนินการตามมาตรา 77 และมาตรา 258 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จะมีการแบ่งเขตเป็น 9 จุด เพื่อสร้างการรับรู้ และจะให้ชาวนาลงชื่อรวมพลัง 3 แสนราย เพื่อเสนอกฎหมายเข้าสภาต่อไป ซึ่งขอให้ชาวนาอดทนและมีความหวังกับร่างกฎหมายนี้ จะเป็นความฝันสูงสุดที่จะทำให้ทุกคนเข้มแข็งและลืมตาอ้าปากได้
นายระวี รุ่งเรือง อดีต สว. และนายกสมาคมการค้าเครือข่ายชาวนาไทย กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ. ข้าวและชาวนาแห่งชาติ พ.ศ. .... ว่า จะมีทั้งหมด 12 หมวด รวม 83 มาตรา รวมบทเฉพาะกาล บริหารโดยสำนักงานคณะกรรมการข้าวและชาวนาแห่งชาติ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่การผลิตและการตลาดของข้าว และในฐานข้อมูลดังกล่าวจะต้องมีระบบที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปเพื่อหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีการกำหนดโทษผู้ที่ฝ่าฝืน มีทั้งโทษปรับหรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่นายวิชัย ศรีนวกุล นายกสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีเข้ากองทุนควรรวมการจัดเก็บจากผู้ส่งออกข้าวด้วย จากปัจจุบันไม่มีการเสียภาษี ซึ่งที่ผ่านมา ผู้ส่งออกข้าวใช้ข้าวส่วนเกินจากการบริโภคในประเทศ และใช้กลยุทธ์ราคาตํ่าในการแข่งขัน ซึ่งมีผลต่อราคาข้าวเปลือกและข้าวสารในประเทศ ดังนั้นควรรับผิดชอบร่วมกัน
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 45 ฉบับที่ 4,140 วันที่ 16 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2568