ไทยส่งออกอาหารสุนัข-แมว ปี 2567 เบอร์ 2 โลก มูลค่า 8.5 หมื่นล้าน

17 ก.ย. 2568 | 06:14 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ย. 2568 | 06:23 น.

ไทยผงาดผู้ส่งออกอาหารสุนัขและแมวอันดับ 2 ของโลก ปี 2567 มูลค่า 8.5 หมื่นล้าน โต 29% ครองสัดส่วน 10% ของตลาดโลก ชูจุดแข็งคุณภาพ-มาตรฐาน พร้อมโอกาสขยายตลาดหลักสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อียู และเอเชียต่อเนื่อง

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า สถานการณ์การค้าสินค้าอาหารสุนัขและแมวของโลกและไทย โดยในปี 2567 ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสุนัขและแมว อันดับที่ 2 ของโลก ด้วยมูลค่า 2,677 ล้านดอลลาร์ หรือ 85,032 ล้านบาท ขยายตัว 29% เทียบกับปีก่อนหน้า และมีสัดส่วน 10% ของมูลค่าส่งออกอาหารสุนัขและแมวของทั้งโลก

สำหรับประเทศผู้ส่งออกสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา มูลค่าการส่งออก 2,520.71 ล้าน ดอลลาร์ สัดส่วน 9.4% โปแลนด์ มูลค่าการส่งออก 2,408.40 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 9% และฝรั่งเศส มูลค่าการส่งออก 2,307.87 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 8.6%

ทั้งนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา ตลาดอาหารสุนัขและแมวทั่วโลกคึกคักเป็นอย่างมาก โดยในปี 2567 มูลค่าการนำเข้ารวมของโลกสูงถึง 26,466.28 ล้านดอลลาร์ ประเทศผู้นำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก คือ เยอรมนี มีมูลค่าการนำเข้า 2,435.16 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 9.2% ของมูลค่านำเข้ารวมของโลก

รองลงมา คือ สหรัฐฯ มูลค่าการนำเข้า 2,215.51 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 8.4% สหราชอาณาจักร มูลค่าการนำเข้า 1,762.27 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 6.7% โปแลนด์ มูลค่าการนำเข้า 1,530.44 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 5.8% และแคนาดา มูลค่าการนำเข้า 1,379.63 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 5.2%

ขณะเดียวกัน ศักยภาพการแข่งขันของไทยในสินค้าอาหารสุนัขและแมว ถือว่ามีเสถียรภาพและมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่องและในหลากหลายตลาด เนื่องจากประเทศไทยมีจุดเด่นและมีภาพลักษณ์ที่ดีในด้านคุณภาพและมาตรฐานสินค้าอาหาร ซึ่งรวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยงด้วย โดยการส่งออกสินค้าอาหารสุนัขและแมวของไทย ในปี 2567 มีมูลค่า 2,677.03 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 29% เทียบกับปีก่อนหน้า ขยายตัวดี

ทั้งในตลาดหลักที่ไทยมีสัดส่วนการส่งออกสูง อาทิ สหรัฐฯ สัดส่วน 32.4% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย โดยการส่งออกไปสหรัฐฯ มีมูลค่า 868.40 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 47% ตลาดสำคัญรองลงมา ได้แก่ ญี่ปุ่น มูลค่าการส่งออก 329.37 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 12.3% ออสเตรเลีย มูลค่าการส่งออก 167.21 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 6.2%  อิตาลี มูลค่าการส่งออก 164.94 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 6.2% และมาเลเซีย มูลค่าการส่งออก 138.18 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 5.2%


ไทยส่งออกอาหารสุนัข-แมว ปี 2567 เบอร์ 2 โลก มูลค่า 8.5 หมื่นล้าน


ทั้งนี้ การส่งออกอาหารสุนัขและแมวจากไทยไป 5 ตลาดอันดับแรกดังกล่าว มีสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 62.3 ของมูลค่าการส่งออกอาหารสุนัขและแมวจากไทยไปโลก สำหรับตลาดสหภาพยุโรป (อียู) การส่งออกของไทยในปี 2567 เทียบกับปี 2566 ขยายตัว 47% ด้วยมูลค่า 349.58 ล้านดอลลาร์ โดยมีตลาดสำคัญในแถบนี้ อาทิ อิตาลี มูลค่าการส่งออก 164.94 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 34% เยอรมนี มูลค่าการส่งออก 105.24 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 71% เบลเยียม มูลค่าการส่งออก 35.51 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 92% ฝรั่งเศส มูลค่าการส่งออก 19.11 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 16% เนเธอร์แลนด์ มูลค่าการส่งออก 10.30 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 20%

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญทำให้ไทยมีโอกาสขยายตลาดได้ในหลากหลายภูมิภาค เนื่องจากความนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ทั้งจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นและสังคมที่มีขนาดครอบครัวเล็กลง ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ลำพังมักเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเพื่อน และคนรุ่นใหม่ที่มีบุตรช้าหรือไม่แต่งงานก็นิยมเลี้ยงสัตว์มากขึ้น

นอกจากนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคในหลายประเทศที่หันมาสนใจสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น มาจากเทรนด์การใส่ใจสุขภาพสัตว์เลี้ยง ผู้ซื้อจึงหันมาสนใจสินค้าเกรดพรีเมียมจากต่างประเทศ

รวมถึงสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น ซึ่งความต้องการสินค้ากลุ่มนี้ ผู้ประกอบการไทยที่พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลายฟังก์ชัน เช่น อาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อสุขภาพ วิตามินสูง สัตว์เลี้ยงเด็ก สัตว์เลี้ยงป่วยหรือชรา โดยมีสูตรที่หลากหลายและใช้วัตถุดิบคุณภาพ จะตอบโจทย์ผู้บริโภคตามเทรนด์นี้ได้เป็นอย่างดี

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า นอกจากเทรนด์ความต้องการสินค้าอาหารฟังก์ชันและเกรดพรีเมียมแล้วยังต้องให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหากผู้ส่งออกไทยสามารถผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์แนวโน้มดังกล่าวได้ จะมีโอกาสขยายการส่งออกทั้งในตลาดหลัก เช่น ยุโรป และสหรัฐฯ รวมถึงโซนเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น จีน และตลาดใหม่ในตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออกด้วย
 

ไทยส่งออกอาหารสุนัข-แมว ปี 2567 เบอร์ 2 โลก มูลค่า 8.5 หมื่นล้าน


สำหรับการส่งออกช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกอาหารสุนัขและแมวเป็นมูลค่า 1,685.74 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 10.72 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย

โดยการส่งออกไปสหรัฐฯ มีมูลค่า 609.86 ขยายตัวร้อยละ 26 ยังคงขยายตัวท่ามกลางอัตราภาษีต่างตอบแทนร้อยละ 19 ของสหรัฐฯ ซึ่งไทยยังมีโอกาสแข่งขันด้านราคา อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นกฎเกณฑ์การสะสมถิ่นกำเนิดสินค้า (Local Content) ที่ต้องติดตามต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการส่งออกของไทยที่อาจเกิดขึ้น ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้า สร้างมาตรฐานและภาพลักษณ์สินค้าไทยด้วยการวิจัยและพัฒนา เพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศ สร้างสรรอาหารสัตว์เลี้ยงรูปแบบใหม่ ๆ ที่เสริมสร้างสุขภาพและให้คุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย เพื่อสามารถเข้าถึงตลาดตามความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มแต่ละประเทศ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของการส่งออกอาหารสุนัขและแมวของโลกได้ในไม่ช้า