ส่งออกข้าวอัปราคาอีก 10 ดอลลาร์/ตัน สู้บาทแข็ง ลดเสี่ยงขาดทุน จี้แบงก์ชาติช่วยด่วน!

13 ก.ย. 2568 | 09:22 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.ย. 2568 | 09:38 น.

บาทแข็งรอบ 4 ปี ต้นทุนส่งออกข้าวไทยพุ่ง ผู้ส่งออกอัปราคาข้าวเพิ่มอีก 10 ดอลลาร์/ตัน ลดเสี่ยงขาดทุน ส่อเสียเปรียบเวียดนาม–อินเดีย–ปากีสถานที่ตรึงราคา ด้านอินเดียจ่อระบายสต็อกล็อตใหญ่ 20 ล้านตันเดือนนี้ กดดันหนักตลาดโลกป่วน

KEY

POINTS

  • ผู้ส่งออกข้าวไทยปรับขึ้นราคาข้าวขาว 5% อีก 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพื่อชดเชยผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี และลดความเสี่ยงขาดทุน
  • การแข็งค่าของเงินบาททำให้ราคาข้าวไทยในตลาดโลกสูงกว่าคู่แข่งอย่างอินเดียและปากีสถาน ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง
  • สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูแลค่าเงินบาทอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกและรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การแข็งค่าของเงินบาทแตะระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก

ทั้งนี้ราคาข้าวภายในประเทศไม่ได้ขยับขึ้น แต่พอแปลงเป็นราคา FOB ราคาข้าวขาว 5% ซึ่งเป็นชนิดข้าวที่ไทยส่งออกมากที่สุด ในเวลานี้กลับต้องปรับเพิ่มขึ้นจาก 350 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เป็น 360 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หรือเพิ่มขึ้นอีก 10 ดอลลาร์ เพราะอัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่า ทำให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่งที่มีการดูแลค่าเงินอย่างใกล้ชิด

“ล่าสุดราคาข้าวขาว 5% ของไทยปรับขึ้นเป็น 360 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากสัปดาห์ก่อน 355 ดอลลาร์ หรือเพิ่มราว 10 ดอลลาร์ต่อตัน (310 บาท) เทียบกับคู่แข่งหลัก อินเดียขายอยู่ 350 ดอลลาร์ และปากีสถาน 355 ดอลลาร์ ที่ยังตรึงราคาได้เนื่องจากค่าเงินคงที่ ส่วนเวียดนามขายแพงกว่าไทยที่ 365–370 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งเป็นผลจากการเร่งส่งออกข้าวช่วงครึ่งปีแรก ทำให้มีปริมาณข้าวส่งออกลดลง”

ขณะเดียวกัน อินเดียเตรียมระบายข้าวจากสต็อกรัฐบาลราว 20 ล้านตัน ในเดือนกันยายนนี้ เพื่อเคลียร์พื้นที่รองรับผลผลิตใหม่ โดยจะกระจายไปทั้งภาคอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล แจกจ่ายผู้มีรายได้น้อย และเข้าสู่ตลาดส่งออก ซึ่งอาจซ้ำเติมภาวะชะลอซื้อขายในตลาดโลก ซึ่งทราบว่าขณะนี้เริ่มระบายออกมาแล้วเพื่อใช้ในภาคอุตสาหกรรมคือใช้ในการผลตเอทานอลก่อน

“หากอินเดียปล่อยสต็อกในจังหวะเดียวกับที่ข้าวใหม่ไทยออกมาเดือนกันยายน-พฤศจิกายนจะกดดันราคาข้าวเปลือกในประเทศให้ทรุดต่ำลงไปอีก ปัจจุบันข้าวเปลือกชื้น 25% ขายได้เพียง 5,000–6,000 บาทต่อตัน จากปีก่อนที่เคยได้ 10,000 บาทต่อตัน”

ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

นายชูเกียรติยังมองว่า การแข็งค่าของเงินบาทไม่ได้สะท้อนเศรษฐกิจจริง ซึ่งนอกจากเป็นผลพวงจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าแล้ว ยังอาจเชื่อมโยงกับการส่งออกทองคำไปกัมพูชาที่เพิ่มผิดปกติระดับหมื่นล้านบาทต่อเดือน ซึ่งส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกี่ยวข้องกับเงินทุนสีเทาหรือการฟอกเงินเรื่องนี้ไม่เพียงทำลายศักยภาพส่งออกข้าว แต่กระทบต่อขีดความสามารถการแข่งขันของทั้งประเทศ

สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยประเมินว่า เป้าหมายการส่งออกข้าวปี 2568 ที่ 7.5 ล้านตัน เริ่มมีความเสี่ยงสูง หากเงินบาทยังคงแข็งค่า และอินเดียเดินหน้าระบายสต็อกข้าวขนาดใหญ่กดราคาตลาดโลกในช่วงปลายปี