บาทแข็งโป๊ก ส่งออกข้าวไทยเสียตลาดโลก รายได้ชาวนาส่อวูบหนัก จี้รัฐเร่งแก้ปัญหา

10 ก.ย. 2568 | 06:24 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.ย. 2568 | 06:35 น.

เงินบาทแข็งค่ามากกว่า 7% จากต้นปี กดรายได้ชาวนาไทยต่ำกว่าคู่แข่งอินเดีย–เวียดนามเฉียด 1,200 บาท/ตัน สมาคมผู้ส่งออกข้าวจี้รัฐ-แบงก์ชาติเร่งแก้ หวั่นคำสั่งซื้อหด กระทบราคาข้าวในประเทศช่วงนาปีที่กำลังจะออกสู่ตลาด

KEY

POINTS

  • ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ข้าวไทยเสียเปรียบในการแข่งขันและส่อเค้าสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดโลก
  • สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของเกษตรกรชาวนาที่จะลดลงอย่างหนัก หากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศชะลอตัว
  • สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเรียกร้องให้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยเร่งออกมาตรการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทโดยด่วน

วันนี้ (10 ก.ย. 2568) สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย นำโดย นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งกำลังบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก และส่งผลโดยตรงต่อรายได้เกษตรกรไทยนับล้านครัวเรือน

ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี 2568 ค่าเงินบาทแข็งขึ้นกว่า 7% จาก 34.33 เหลือ 31.68 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่างอินเดีย เวียดนาม และปากีสถานกลับอ่อนค่าลง 2-4% ทำให้ส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างไทยกับคู่แข่งขันสูงมากกว่า 10 กว่าเปอร์เซ็นต์

บาทแข็งโป๊ก ส่งออกข้าวไทยเสียตลาดโลก รายได้ชาวนาส่อวูบหนัก จี้รัฐเร่งแก้ปัญหา

หากเปรียบเทียบการขายข้าวขาว 5% FOB ราคา 350 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เท่ากัน ไทยจะได้รับเพียง 11,025 บาท/ตัน ขณะที่คู่แข่งรับสูงกว่าไทย 1,000-1,250 บาท/ตันทันทีจากผลของค่าเงิน โดยไม่ได้เกี่ยวกับคุณภาพหรือราคาข้าว แต่เกิดจากความเสียเปรียบด้านอัตราแลกเปลี่ยนล้วน ๆ

สมาคมฯ เตือนว่า หากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศชะลอตัวในช่วงผลผลิตนาปีออกสู่ตลาด จะยิ่งฉุดราคาข้าวภายในประเทศให้ร่วงแรง กระทบชาวนาไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเรียกร้องให้ รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย เร่งดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาท โดยไม่เพียงป้องกันการแข็งค่าเกินไป แต่ควรผลักดันให้อ่อนค่าลงสู่ระดับที่แข่งขันได้และรักษาเสถียรภาพระยะยาว พร้อมย้ำว่าสถานการณ์ดังกล่าวถือเป็น วาระเร่งด่วน ที่รัฐต้องรีบแก้ไขทันที