SME จี้รัฐบาล ‘อนุทิน’ เติมสภาพคล่อง 1 แสนล้าน–พักหนี้ 2 ปีกู้วิกฤตรายเล็ก

12 ก.ย. 2568 | 08:33 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.ย. 2568 | 08:43 น.

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ชี้ผู้ประกอบการกำลังเผชิญ 4 ความท้าทายใหญ่ ทั้งเศรษฐกิจเปราะบาง หนี้พุ่ง และการแข่งขันจีนรุกหนัก เสนอรัฐบาลอนุทิน เร่งอัดมาตรการตรงจุดใน 4–6 เดือน ทั้งเติมสภาพคล่องแสนล้าน พักหนี้ 2 ปี กู้วิกฤตรายเล็ก

KEY

POINTS

  • สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยเรียกร้องรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ให้ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่กำลังเผชิญวิกฤต
  • เสนอให้เติมสภาพคล่องด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงินอย่างน้อย 1 แสนล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงแหล่งทุนได้
  • ขอให้มีมาตรการพักชำระหนี้เป็นเวลา 2 ปี สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กและรายย่อย เพื่อช่วยประคองธุรกิจและเพิ่มโอกาสในการปรับตัว

ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSME) ว่า กำลังเผชิญกับ 4 ความท้าทายเร่งด่วน ได้แก่ ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังเปราะบาง, ปัญหาสภาพคล่องและการเข้าถึงแหล่งทุน, ภาระหนี้ธุรกิจและหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 88%, และการแข่งขันจากสินค้าจีนที่รุกเข้ามาทั้งในรูปแบบแฟรนไชส์ แพลตฟอร์มออนไลน์ และการนำเข้า

ขณะที่สินค้าไทยยังขาดความสามารถในการแข่งขัน หากรัฐบาลไม่เร่งออกมาตรการตรงจุด มีความเสี่ยงสูงที่ผู้ประกอบการจำนวนมากจะ ทยอยปิดกิจการเป็นวงกว้าง

เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ สมาพันธ์ฯ ได้เสนอ 5 มาตรการเร่งด่วน ที่รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ควรขับเคลื่อนทันทีภายใน 4–6 เดือน ได้แก่

1. สร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยการสื่อสารเชิงรุกของ ครม.เศรษฐกิจ เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ

2. กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ผ่านโครงการตรงจุด เช่น “คนละครึ่ง” ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนและผู้ประกอบการในช่วงเวลานี้

3. เพิ่มช่องทางสภาพคล่องให้ MSME ด้วย Soft Loan จากธนาคารออมสินที่รอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อย่างน้อย 100,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3–3.5% โดยเฉพาะการกันวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับ Micro และ Small Entrepreneurs ซึ่งปกติมักถูกธนาคารคัดออกจากระบบกู้ยืม

4. พักชำระหนี้ 2 ปี สำหรับผู้ประกอบการรายเล็ก Micro และ Small Entrepreneurs เพื่อเป็นการต่อลมหายใจและเพิ่มโอกาสปรับตัว

5. ตั้งคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยเปิดเวทีให้เครือข่าย MSME ภาคการเกษตร และการท่องเที่ยว ได้สะท้อนปัญหาและแนวทางแก้ไขต่อภาครัฐโดยตรง

ดร.ณพพงศ์ ย้ำว่า มาตรการเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการ “อัดเงินอุดหนุน” แต่คือการสร้างโอกาสใหม่ให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถอยู่รอดและแข่งขันได้จริง หากรัฐบาลสามารถขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานราก กระตุ้นการบริโภค และสร้างความแข็งแกร่งให้กับ MSME ซึ่งเป็น “กระดูกสันหลัง” ของเศรษฐกิจไทย