KEY
POINTS
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” เกี่ยวกับนโยบายที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีประกาศออกมา 4 ด้าน ว่า สิ่งที่นายกฯอนุทินประกาศไว้ 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1.การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ พลังงาน และหนี้
,2.การแก้ปัญหาปากท้องและสวัสดิการ ,3.การแก้ปัญหาด้านความมั่นคงและภัยพิบัติ และ4.การปรับระบบราชการ เหล่านี้ ถือว่าครอบคลุมโจทย์ใหญ่ที่ประเทศกำลังเผชิญ ทั้งเรื่องค่าครองชีพสูง หนี้ครัวเรือน ปัญหาต้นทุนพลังงาน และความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลก
แต่สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ ระยะเวลา 4 เดือนนั้นสั้นมาก ไม่เพียงพอสำหรับการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง หากรัฐบาลเลือกทำมาตรการที่เร่งด่วนและจับต้องได้ก็ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้
“ต้องการเห็นการบรรเทาภาระพลังงานและค่าครองชีพ การช่วยเอสเอ็มอี (SMEs) ให้เข้าถึงสภาพคล่อง การเร่งเจรจาการค้าระหว่างประเทศไม่ให้สะดุด รวมถึงการปรับกฎระเบียบที่ซ้ำซ้อน เพื่อเอื้อต่อการลงทุน ดังนั้น ทิศทางที่นายกฯ วางไว้ถือว่าถูกต้อง แต่ต้องทำให้เฉพาะเจาะจงและทันทีเพื่อให้เห็นผลจริงในช่วงเวลาจำกัดนี้”
อย่างไรก็ตาม หากถามว่ารัฐบาลควรเพิ่มเติมมาตรการ หรือนโยบายใดอีกเพื่อให้มีแรงส่งที่ชัดเจนใน 4 เดือนนั้น มองว่ามีอยู่ 3 เรื่องหลักที่คิดว่าจำเป็นมาก ประกอบด้วย
“หากทำทั้งสามเรื่องดังกล่าวไปพร้อมกัน จะช่วยเสริมแรงกับมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ และทำให้ 4 เดือนนี้เกิดผลเชิงบวกที่ชัดเจนขึ้น”
นายเกรียงไกร กล่าวต่อไปอีกว่า โฉมหน้าของ ครม.ใหม่ที่ภาคเอกชนต้องการเห็นก็คือ ทีมเศรษฐกิจที่ทำงานเป็นทีม เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ประเทศต้องการตอนนี้ เนื่องจากประเด็นเศรษฐกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังเท่านั้น แต่เกี่ยวพันกับกระทรวงอุตสาหกรรม พาณิชย์ เกษตรฯ และการท่องเที่ยวด้วย
แม้รัฐมนตรีแต่ละท่านจะมาจากต่างพรรค แต่ต้องสามารถบูรณาการการทำงานได้อย่างจริงจัง ทุกวินาทีใน 4 เดือนนี้มีค่า จึงต้องการเห็นทีมที่ทั้งรู้ลึก รู้จริง และพร้อมตัดสินใจอย่างทันท่วงที เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ภาคเอกชนและนักลงทุน
“ภาคเอกชพร้อมสนับสนุนและร่วมมืออย่างใกล้ชิด แต่สิ่งที่ต้องการเห็นคือ ความชัดเจนและความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบาย เพื่อให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ”
นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า โครงการ “คนละครึ่ง” เป็นมาตรการที่ดีและเคยพิสูจน์แล้วว่าได้ผล อีกทั้งแอปพลิเคชันนี้ก็มีพร้อมแล้ว ระบบมีความแม่นยำ โปร่งใส ใช้งานได้สะดวก รวดเร็วและประชาชนได้รับประโยชน์ทั่วถึง น่าจะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อและเศรษฐกิจได้เร็วในสถานการณ์เช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ขอเรียนย้ำว่าทุกวินาทีใน 4 เดือนนี้มีค่า รัฐบาลต้องรีบเร่งในการแก้ปัญหาปากท้องและฟื้นความเชื่อมั่น เพราะถ้าเศรษฐกิจทรุดหนักไปกว่านี้ การประคองก็จะยากขึ้น
“ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนจุดที่ท้าทายที่สุดในรอบหลายปี เราต้องการทีมที่แข็งแกร่ง และนโยบายที่ลงลึกจริงๆ เพื่อพาประเทศผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ไปได้”