เจาะตลาดดาวรุ่ง 'อาร์เจนตินา' การค้าพุ่ง 21% โอกาสไทยส่งออกยานยนต์-อาหาร

แม้ภาพรวมเศรษฐกิจอาร์เจนตินา จะยังมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อที่รุนแรงพุ่งสูงเกิน 100% ในช่วงที่ผ่านมา แต่เพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลอาร์เจนติน่า จึงได้มีการออกนโยบายหลัก ๆ คือ ลดค่าเงินเปโซ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าและกระตุ้นการส่งออก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นตัวเศรษฐกิจ รวมถึงการเปิดเสรีการค้า ยกเลิกการควบคุมเงินทุนและปรับลดภาษีศุลกากร เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ 

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จึงมองเห็นโอกาสในการที่เปิดการค้ากับตลาดอาร์เจนติน่า หรือตลาดลาตินอเมริการ ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหม่และโอกาสของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยายนต์ และ สินค้าอุปโภค บริโภค โดยมกราคม - มิถุนายน ปี 2568 การค้าระหว่างไทย–อาร์เจนตินา มีมูลค่า 1,082 ล้านดอลลาร์ และสัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้น 21.29%

 ล่าสุดได้นำคณะผู้ประกอบการไทย 40 บริษัท ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์ จำนวน 19 บริษัท และสินค้าอาหาร จำนวน 21 บริษัท รวมทั้งสื่อมวลชน เดินทางไปที่เมืองบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนติน่า เพื่อสำรวจตลาดโอกาสในการส่งออกสินค้าไทย รวมถึงจัดกิจกรรม Special Task Force จับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับอาร์เจนติน่า

นายพรวิช ศิลาอ่อน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยยังคงให้ความสำคัญกับประเทศอาร์เจนตินาและภูมิภาคลาตินอเมริกาในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอุตสากรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย ถือว่ามีศักยภาพในตลาดอาร์เจนตินาโดยที่ผ่านมา โตโยต้า อาร์เจนตินาที่เป็นผู้เล่นหลักที่มีความสำคัญ มีการนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์จากไทย สำหรับการผลิตยานยนต์ ในปี 2025 (มกราคาคม - กรกฎาคม) สัดส่วนถึง 46%  

นอกจากนี้ ทางบริษัทยังส่งออกผลิตภัณฑ์ยานยนต์อาร์เจนตินา ไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคลาตินอเมริกา จำนวน 23 ประเทศ รวมถึงเม็กซิโกและภูมิภาคแคริบเบียน โดยปี 2567 โตโยต้า อาร์เจนตินา เป็นผู้นำด้านการผลิต การส่งออก และการขายในตลาดอาร์เจนตินา โดยโตโยต้า รุ่น Hilux เป็นรถกระบะที่ชาวอาร์เจนตินาเลือกใช้มากที่สุด 19 ปีติดต่อกัน 

ขณะเดียวกัน ไทยยังได้เชิญชวนผู้บริหารโตโยต้าอาร์เจนตินา เข้าร่วมงานแสดงอะไหล่รถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์นานาชาติไทยแลนด์ ที่จะจัดขึ้นในครั้งต่อไปในปี 2027(Thailand International Auto Parts & Accessoires Show - TAPA 2027) ซึ่งเป็นหนึ่งในงานแสดงสินค้ายานยนต์ที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

 

นายพรวิช ศิลาอ่อน กล่าวว่า ได้เข้าหารือกับนายปาโบล อกุสติน ลาวิน (Mr.Pablo Agustín Lavigne) เลขานุการประสานงานเพื่อการผลิต กระทรวงเศรษฐกิจอาร์เจนตินา (เทียบเท่ารัฐมนตรีช่วยลำดับที่ 1) เพื่อเพิ่มความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับอาร์เจนตินา โดยที่ทางอาร์เจนตินาให้ความสนใจในการเปิดตลาดของสินค้าเกษตรกรรมไทยในตลาดอาร์เจนตินามากขึ้น โดยเฉพาะผลไม้ เช่น มะม่วง และมะพร้าว และเพื่อให้สินค้าเกษตรและอาหารของอาร์เจนตินาเป็นที่รู้จักในไทยและภูมิภาคเอเชียมากขึ้น จึงได้เชิญชวนมาเข้าร่วมงานแสดงสินค้า THAIFEX-Anuga Asia ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

โดยเสนอให้อาร์เจนตินาเข้าร่วมงานในรูปแบบ Argentina Country Pavilion ซึ่งเป็นรูปแบบที่ยังไม่เคยจัดขึ้นในงาน THAIFEX-Anuga Asia ในประเทศไทย

ทั้งนี้ ทางอาร์เจนตินายังได้แสดงความสนใจในการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับประเทศไทยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าอาหารฮาลาลและการส่งเสริมการตลาดสินค้าฮาลาลไปยังตลาดโลกมากขึ้น เนื่องจากอาร์เจนตินาเองยังเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอาหารและเกษตรกรรมรายสำคัญของโลก 

อีกทั้ง ผู้บริหารระดับสูงอาร์เจนตินาได้ฝากประเด็นขอความร่วมมือกับกรมในการลดอุปสรรคการนำเข้าเนื้อสัตว์และประมงมายังไทยอีกด้วย ซึ่งกรมจะรับไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

 

สำหรับการเดินทางมาอาร์เจนติน่าครั้งนี้ ทางกรมส่งเสริมการค้าฯ ได้จัดกิจจกรม โครงการบุกตลาดศักยภาพใหม่ รับมือนโยบายการค้าโลก หรือ Special Task Force ได้นำคณะผู้ประกอบการเยือนประเทศอาร์เจนตินา จำนวน 40 บริษัท ได้แก่ สินค้าอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และวัสดุก่อสร้าง จำนวน 19 บริษัท และสินค้าอาหาร ทั้งขนมขบเคี้ยว อาหารพร้อมทาน เครื่องดื่ม และอาหารสัตว์เลี้ยง รวมจำนวน 21 บริษัท และผู้นำเข้าอาร์เจนตินาร่วมเจรจาการค้า 79 บริษัท รวมจับคู่ธุรกิจระหว่างกันจำนวน 320 คู่ 

"เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและบุกตลาดใหม่ให้กับผู้ประกอบการไทย พร้อมลดความเสี่ยงทางการค้าในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนทางนโยบายระหว่างประเทศ โดยที่แรกจัดขึ้น ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในรูปแบบกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยและผู้นำเข้าอาร์เจนตินา" 

ทั้งนี้ หลังจากจบกิจกรรม ณ ประเทศอาร์เจนตินาแล้ว ผู้ประกอบการจะเดินทางต่อไปยังประเทศชิลีและบราซิลต่อไป โดยตั้งเป้าเกิดมูลค่าการค้ารวมทั้ง 3 ประเทศ ในภูมิภาคลาตินอเมริกานี้ จำนวน 400 ล้านบาท 

 

 

อย่างไรก็ตามกรมฯมีการวางแผนเร่งบุกเจาะตลาดใน 4 ภูมิภาคที่มีศักยภาพ จำนวน 5 คณะ ได้แก่ ลาตินอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ (2 คณะ) ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ปี 2568

นอกจากนี้ ยังได้เข้าร่วมหารือกับผู้บริหารสมาคมและผู้บริหารบริษัทนำเข้ารายใหญ่ของอาร์เจนตินา จำนวน 7 บริษัท อาทิ ประธานหอการค้า MERCOSUR-ASEAN ประธานหอการค้าอาเชีย-แปซิฟิกในอาร์เจนตินา ประธานสมาคมการค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า และประธานบริษัทนำเข้าสินค้าไลฟ์สไตล์ ประธานบริษัทก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งผู้บริหารให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า โอกาสและทิศทางทางการค้าระหว่างไทยและอาร์เจนติน่ายังคงเป็นบวกมากในสถานการณ์ปัจจุบัน 

โดยเหตุผลหลักมาจากนโยบายทางการค้าของรัฐบาลอาร์เจนตินาที่ต้องการเปิดเสรีทางการค้า ปรับอัตราภาษีนำเข้า และเร่งจัดทำ FTA กับประเทศคู่ค้าสำคัญ และมีความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าไทย

 

 

สำหรับความสัมพันธ์ทางการค้าไทย-อาร์เจนตินา ครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม -มิถุนายน) มูลค่าการค้ารวม 1,082.27 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21.29% โดยมีสินค้าส่งออกหลักได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบเครื่องจักรกล เหล็ก เหล็กหล้าและผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ยาง 

ขณะที่ไทยนำเข้าจากอาเจนตินา 199.00 ล้านดอลลาร์ ในสินค้าสัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช ผลิตภัณฑ์เวชกรรม ด้ายและเส้นใย เป็นต้น

"การส่งออกสินค้าจากไทยมายังอาร์เจนตินา เพิ่มขึ้น 21.29% สะท้อนให้เห็นถึงความเกื้อกูลทางเศรษฐกิจระหว่าง 2 ประเทศที่เข้มแข็ง และไทยยังเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกขั้นกลางของอาร์เจนตินา ซึ่งภาคส่วนสำคัญ คือ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์และเครื่องจักร ที่มีจุดแข็งร่วมกัน ขณะที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าอาหารจากไทย ก็เป็นสินค้าศักยภาพที่เป็นที่ต้องการในตลาดอาร์เจนติน่า"