“ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล” นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย ที่ฉายภาพธุรกิจ “โรงสีข้าว” เป็นเฟืองจักรหนึ่งที่สำคัญมากในธุรกิจข้าว ที่ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก
รื้อระบบค้าข้าว 3 แสนล้าน
นายบรรจง กล่าวว่า ระบบการซื้อขายข้าวของไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่ใช้กันมานานกว่า 40 ปี จะใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน โดยโรงสีจะขายข้าวให้ผู้ส่งออกผ่านทางหยง (นายหน้า หรือโบรกเกอร์ ที่เป็นตัวแทนของโรงสีในการขายข้าวให้ผู้ส่งออกหรือพ่อค้าขายส่งในประเทศ) แล้วผู้ส่งออกจะจ่ายเงินค่าข้าวผ่านหยง หยงจะหักค่านายหน้าหรือค่าบริการทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 0.75 ถึง 1.50 ของมูลค่าข้าว แล้วนำเงินที่เหลือโอนให้กับโรงสีเป็นค่าข้าว
แต่เมื่อเกิดปัญหานี้ขึ้น ก็ได้มีการพูดคุยกับสมาชิกว่าจะต้องทำการค้าข้าวในระบบใหม่ โดยให้โรงสีจ่ายค่านายหน้าให้กับหยงไปเลย แล้วให้ผู้ส่งออกโอนเงินชำระค่าข้าวให้กับโรงสีโดยตรง ซึ่งจะทำให้โรงสีลดความเสี่ยง และมั่นใจว่าจะช่วยแก้ปัญหาการถูกเบี้ยวไม่จ่ายเงินให้โรงสีของหยงลดลงด้วย ล่าสุดได้ให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเรียบร้อยแล้ว
“ในอดีตประมาณปี 2557 โรงสีมีกำลังการผลิตรวมมากกว่า 135 ล้านตัน ขณะที่ผลผลิตข้าวในประเทศมีเพียง 30-31 ล้านตัน หรือมีกำลังผลิตมากกว่าผลผลิตถึง 4 เท่า แต่ก็มาได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากคดีจำนำข้าว ทำให้โรงสีหายไปจากระบบไม่น้อยกว่า 30% ปัจจุบัน (ข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปี 2567) มีโรงสี จำนวน 1,684 แห่ง ภาคกลางมากที่สุด 635 แห่ง รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 500 แห่ง , ภาคเหนือ 459 แห่ง และภาคใต้ 90 แห่ง ส่วนจังหวัดที่มีโรงสีข้าวมากที่สุด ได้แก่ นครสวรรค์, สุพรรณบุรี, นครปฐม, นครราชสีมา และเชียงใหม่ เป็นต้น โดยมีเงินหมุนเวียนค้าขายในระบบโดยเฉลี่ยประมาณ 3 แสนล้านบาท”
นาปรังราคาตกทำโคม่ารอบ 15 ปี
สำหรับสถานการณ์โรงสีรอบนาปรังปี 2568 โรงสีเผชิญสภาวะที่ยํ่าแย่มาก แกลบที่เคยได้ราคา ก็ขายไม่ได้ เพราะโรงไฟฟ้าชีวมวลภาคอีสานหยุดหมด ส่วนรำ ปลายข้าว และข้าวหัก ราคาลง นอกจากนี้ต้องเผชิญปัญหากับสถาบันการเงิน เพราะการกู้เงินต้องสำแดงสต๊อก 1.4 เท่ากับธนาคาร เรียกว่าต้องซื้อไป ขายไป หรือบางคนเลือกขายก่อนแล้วมาซื้อทีหลัง ขณะที่ราคาข้าวนาปรังปรับลดลงตํ่าสุดในรอบ 15 ปี บางช่วงราคาเฉลี่ยต่อกิโลกรัมตํ่ากว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อีก
“สมาคมโรงสีข้าวไทยพยายามให้สมาชิกช่วยซื้อข้าวจากเกษตรกรให้มากที่สุดเพื่อเก็บไว้หวังกำไร แต่ท้ายที่สุดก็ขาดทุนลงไปเรื่อยๆ ซึ่งในส่วนของโรงสีการขาดทุนจะไม่มีการร้องขอ เพราะเราอยู่อีกสถานะหนึ่งที่ต่างจากเกษตรกรชาวนา 18 ล้านคน โดยมีผู้ประกอบการแค่พันกว่าโรงทั่วประเทศ”
หนุนฟื้นตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า
นายบรรจง ยังให้ความเห็นถึงร่างพระราชบัญญัติข้าว พ.ศ.... หรือกฎหมายข้าวว่า ต้องเริ่มจากวัตถุประสงค์ก่อนว่าต้องการมีกฎหมายเพื่ออะไร ทางโรงสีไม่ได้ขัด แต่จะต้องมีการพูดคุยหารือกันก่อน มองว่ามีความเป็นไปได้และมีผลดีต่อวงการค้าข้าว เพราะถ้าจะกล่าวหาว่าโรงสีกดราคา ก็มีกฎหมายสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สำนักงาน กขค.) อยู่แล้วเพื่อช่วยเหลือหากคิดว่าถูกเอาเปรียบ
“ล่าสุดได้มีประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานฯ มีแนวคิดให้ฟื้นตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทยใหม่ ก่อนหน้านั้นปิดตลาดไปตั้งแต่ปี 2559 มองย้อนกลับไปเป็นเรื่องน่าเสียดาย อย่างไรก็ดี ทางสมาคมฯอยากฝากรัฐบาล ต้องหาคนเก่งในเรื่องการตลาด เพื่อกำหนดทิศทางการบริโภคข้าวโลกและในประเทศ เพื่อคำนวณกลับมาเป็นรายได้ของชาวนาอย่างแท้จริงให้เร็วที่สุด” นายบรรจง กล่าว ตอนท้าย
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,100 วันที่ 29 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568