สมาคมค้าข้าวไทย แถลงการณ์ชี้แจง กรณี“หยง” ชักดาบโรงสีกว่า 200 ล้าน

19 พ.ค. 2568 | 02:32 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ค. 2568 | 04:40 น.

นายกสมาคมค้าข้าวไทย แถลงการณ์ชี้แจง กรณี“หยง” ชักดาบโรงสีกว่า 200 ล้าน ย้ำ บทบาทหยง ทำหน้าที่นายหน้าค้าข้าว ยังมีความจำเป็นในอุตสาหกรรม ชี้ส่วนใหญ่สำรองเงินให้โรงสีใช้ก่อน 70-90% ค่อยไปไล่บี้เก็บกับผู้ซื้อข้าว วอนสังคมอย่าโยง ไม่ใช่สมาชิก

นายสุทธิ สานกิ่งทอง นายกสมาคมค้าข้าวไทย ออกแถลงการณ์สมาคมว่า จากข่าวที่ปรากฏในหน้าสื่อช่วงนี้ อาจทำให้สาธารณชนหรือคนในวงการค้าข้าวบางส่วนเข้าใจผิดเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของหยง ซึ่งหยงหรือนายหน้าค้าข้าว จะเป็นตัวกลางในการซื้อขายข้าวสาร โดยหยงจะจัดหาข้าวจากผู้ขาย คือ โรงสีข้าวที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อส่งมอบข้าวให้แก่ผู้ซื้อ ซึ่งมีทั้งผู้ส่งออกข้าวไปยังต่างประเทศ ผู้ผลิตข้าวถุงเพื่อขายภายในประเทศหรือส่งออกต่างประเทศ พ่อค้าขายส่ง (ยี่ปั๊ว) หรือโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรงงานผลิตแป้ง เส้นหมี่ เบียร์ หรืออาหารสัตร์

สมาคมค้าข้าวไทย แถลงการณ์ชี้แจง กรณี“หยง” ชักดาบโรงสีกว่า 200 ล้าน

"หยง" จะทำหน้าที่ในการติดตามการส่งมอบข้าวจากโรงสีไปยังผู้ซื้อ เพื่อให้การส่งมอบครบตามจำนวนที่ตกลงซื้อขาย และเป็นตัวกลางในการเจรจาถ้าคุณภาพข้าวที่มาส่งมอบไม่ผ่านตามเกณฑ์ที่ผู้ซื้อกำหนด หรือช่วยโรงสีโยกย้ายข้าวที่ไม่ผ่านเกณฑ์ไปขายยังผู้ซื้อรายอื่นเพื่อแก้ปัญหาการขนสินค้ากลับโรงสี

สำหรับคนนอกวงการค้าข้าวมักจะเข้าใจผิดว่า หยงเป็นการทำธุรกิจที่ไม่ต้องลงทุนและไม่มีความเสี่ยง แต่ในความเป็นจริงแล้ว หยงข้าวมีความรับผิดชอบ ที่มากกว่าเพียงเป็นแค่นายหน้า ยกตัวอย่างเช่น เมื่อโรงสีส่งมอบข้าวให้กับผู้ซื้อเรียบร้อยแล้ว ผู้ซื้อจะไม่ได้จ่ายเงินค่าข้าวให้ทันที เนื่องจากแต่ละเจ้าก็จะมีการขอเครดิตหรือเทอมการจ่ายเงิน แต่หยงจะทำการสำรองเงินจ่ายค่าข้าวให้แก่ทางโรงสีก่อน ภายใน 1 ถึง 15 วัน ตามอัตราค่าหยงหรือค่าบริการที่ตกลงกัน โดยค่าบริการโดยทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 0.75 ถึง 1.50 ของมูลค่าข้าว ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะเวลาการจ่ายเงินสำรองกับปริมาณเงินสำรองที่จ่าย

สมาคมค้าข้าวไทย แถลงการณ์ชี้แจง กรณี“หยง” ชักดาบโรงสีกว่า 200 ล้าน

"ส่วนใหญ่จะสำรองจ่ายประมาณ 70% ถึง 90% ของมูลค่าข้าว และหยงจะรอเก็บเงินจากผู้ซื้อ โดยเฉลี่ยประมาณ 1-2 เดือน เมื่อหยงเก็บเงินจากผู้ซื้อเรียบร้อยแล้ว ก็ทำการโอนเงินส่วนที่เหลือให้กับทางโรงสีพร้อมกับหักค่าบริการ ถ้าเกิดกรณีที่ไม่สามารถเก็บเงินจากทางผู้ซื้อได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม หยงมีหน้าที่ที่ต้องไปไล่เบี้ยติดตามเงินกับทางผู้ซื้อเอง และหยงไม่สามารถเรียกคืนเงินสำรองจ่ายค่าข้าวจากโรงสีได้หรือมีเหตุการณ์ที่ทำให้ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงราคาขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้โรงสีไม่สามารถส่งมอบข้าวให้กับผู้ซื้อได้ หยงก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องหาซื้อข้าวมาส่งมอบแทน ทำให้หยงต้องขาดทุนจากส่วนต่างราคาระหว่างราคาข้าวที่ตกลงซื้อขายกันก่อนหน้ากับราคาตลาดที่หามาแทน"

จากบทบาทและหน้าที่ของหยงที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าหน้าที่ทั้งหมดนี้มีต้นทุน ไม่ใช่เสือนอนกิน แต่ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ในการดำเนินงาน และสร้างเครือข่ายคู่ค้า หยงยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อมั่นระหว่างผู้ประกอบการค้าข้าว ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โรงสีและผู้ซื้อส่วนมากยังใช้บริการหยงอยู่

 

สมาคมค้าข้าวไทย แถลงการณ์ชี้แจง กรณี“หยง” ชักดาบโรงสีกว่า 200 ล้าน

"ผมเชื่อว่า ระบบการค้าข้าวในปัจจุบันไม่ได้เป็นปัญหาของการค้า เพราะทุกธุรกิจย่อมมีคู่ค้าที่ดีและไม่ดี ถ้ามีคนหนึ่งในธุรกิจนั้นมีปัญหา เราไม่ควรเหมารวมว่าธุรกิจนั้นมีปัญหาควรพิจารณาเป็นเคสๆไป มิเช่นนั้นจะแปลว่าทุกธุรกิจมีปัญหาหมด สุดท้ายนี้ ทางสมาคมค้าข้าวไทย ก็จะประชาสัมพันธ์ให้บริษัททั้งที่เป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิกของสมาคม หมั่นตรวจสอบการทำงานของพนักงานและผู้บริหาร เพื่อลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาแก่คู่ค้า" นายสุทธิ กล่าว