นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขส่งออกของไทยเดือนเมษายน 2568 มีมูลค่า 25,625 ล้านดอลลาร์ หรือ 857,700 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และมีมูลค่าการนำเข้า 28,946 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 16.1% ขาดดุลการค้า 3,321 ล้านดอลลาร์ หากหักสินค้าเกี่ยวกับน้ำมัน ขณะที่ การส่งออของไทย 4 เดือนแรกของปี 2568 มีมูลค่า 107,157 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 14% การนำเข้า มีมูลค่า 109,397 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 9.6% ขาดดุลการค้า 2,204 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ตัวเลขการส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเข้มแข็งของภาคเศรษฐกิจไทย แม้ในช่วงที่ผ่านมา มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ แต่การส่งออกยังเติบโต และในช่วง 7 เดือนของท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่เข้ามาบริหารประเทศ เราขยายตัวได้ถึง 12.5% ซึ่งไม่เคยเห็นตัวเลขในระดับนี้มาหลายสิบปีแล้วขณะเดียวกัน ตลาดส่งออกสำคัญของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อาทิ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อาเซียน และสหภาพยุโรป
สำหรับการส่งออกกับคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะ สหรัฐฯกับจีนยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่า ไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ เดือนเมษายน 2568 มูลค่า 5,040 ล้านดอลลาร์ การนำเข้า มูลค่า 1,784 ล้านดอลลาร์ ดุลการค้า เกินดุล3,256 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ ไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ 4 เดือน มีมูลค่า 20,848 ล้านดอลลาร์ การนำเข้า 6,853 ล้านดอลลาร์ เกินดุลการค้า 13,994 ล้านดอลลาร์
ส่วนการค้าไทยกับจีน ไทยส่งออกสินค้าไปจีน เดือนเมษายน 2568 มูลค่า 3,549 ล้านดอลลาร์ การนำเข้า มูลค่า 8,820 ล้านดอลลาร์ ดุลการค้า ขาดดุล 5,271 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ ไทยส่งออกสินค้าไปจีน 4 เดือน มีมูลค่า 12,331 ล้านดอลลาร์ การนำเข้า 31,564 ล้านดอลลาร์ ขาดดุลการค้า 19,232 ล้านดอลลาร์
“หลายฝ่ายเคยคาดว่าภาษีจากสหรัฐฯ จะทำให้ส่งออกไทยตกฮวบ แต่ตัวเลขพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง เรายังโตได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวถึง 23.8% และโตต่อเนื่องมาแล้ว 19 เดือนติดต่อกัน” นายพิชัยกล่าว
นอกจากนี้ตลาดยุโรป ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์เตรียมเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรปให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเข้าพบกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า นายมารอส เซฟโควิช รวมถึงพบปะกับ OECD เพื่อผลักดันให้การเจรจาสำเร็จเร็วที่สุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการค้าของไทยในตลาดยุโรปได้อย่างมาก
ทิศทางแนวโน้มการส่งออกทั้งปี 2568 การส่งออกยังคงเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แม้ในกรณีที่ในช่วง 8 เดือนที่เหลือของปี 2568 การส่งออกไทยก็ยังจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ย 25,000 ล้านดออลาร์ต่อเดือน จะทำให้การส่งออกทั้งปีขยายตัวกว่า 4% ซึ่งมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
“หากสามารถเจรจากับสหรัฐฯ ให้ไทยได้รับอัตราภาษีในระดับเดียวกับประเทศอื่น ก็จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยได้อีกมาก” นายพิชัยกล่าว
ทั้งนี้การเจรจากับสหรัฐฯ คืบหน้าไปมาก และคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายใน 90 วัน และมั่นใจว่านโยบายส่งออกในปัจจุบันเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง และจะสามารถนำพาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว