บอร์ด รฟท.รับทราบทบทวนหลักการ 'ไฮสปีด 3 สนามบิน' เคลียร์ 2 ปมด้านการเงิน

13 ธ.ค. 2568 | 01:30 น.

บอร์ด รฟท.รับทราบหลักการ 'ไฮสปีด 3 สนามบิน' สั่งเคลียร์ 2 ปมใหญ่จ่ายค่าสิทธิ์แอร์พอร์ต ลิงก์-สร้างไปจ่ายไป ลุ้นปี 69 เดินหน้าต่อ

KEY

POINTS

  • บอร์ด รฟท. รับทราบการทบทวนหลักการโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินใน 2 ประเด็นด้านการเงิน เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
  • ประเด็นที่ 1: ปรับเงื่อนไขการชำระค่าสิทธิ์แอร์พอร์ตเรลลิงก์ของเอกชน จากเดิมจ่ายครั้งเดียวภายใน 2 ปี เป็นแบ่งชำระ 7 งวดพร้อมดอกเบี้ย รวมเป็นเงิน 11,731.13 ล้านบาท
  • ประเด็นที่ 2: เปลี่ยนวิธีชำระเงินร่วมลงทุนของภาครัฐ จากเดิมจ่ายเมื่อโครงการเปิดให้บริการ เป็นการจ่ายตามความคืบหน้าของงานก่อสร้าง (สร้างไปจ่ายไป) ในวงเงินไม่เกิน 120,000 ล้านบาท

นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าฯการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการรฟท.รับทราบให้ทบทวนหลักการของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ภายหลังนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางการแก้ปัญหาของโครงการฯได้ข้อสรุปว่าต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่อขอทบทวนหลักการของโครงการฯ ควบคู่ประกอบความเห็นจากอัยการสูงสุดด้วย

​นายอนันต์ กล่าวต่อว่า การทบทวนหลักการในครั้งนี้มี 2 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1.การชำระค่าสิทธิ์แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 2.การสร้างไปจ่ายไป เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาทั้ง 2 ประเด็นไม่เคยมีการเสนอต่อครม.พิจารณาเห็นชอบ

ซึ่งเป็นเพียงการเห็นชอบในที่ประชุมคณะกรรมการ กพอ.เท่านั้น โดยที่ผ่านมาทางอัยการสูงสุดมีความเห็นให้ทบทวนในประเด็นดังกล่าว

สำหรับเงื่อนไขหลักการของ 2 ประเด็น ดังนี้ 1.การชำระค่าสิทธิ ARL (Airport Rail Link) จากเดิม เอกชนคู่สัญญาต้องชำระค่าสิทธิ ARL จำนวน 10,671.09 ล้านบาท ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ( รฟท. ) ภายใน 2 ปี หลังลงนามในสัญญาร่วมลงทุนฯ เป็นเอกชนคู่สัญญาต้องชำระค่าสิทธิ ARL จำนวน 10,671.09 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยจำนวน 1,060.04 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น11,731.13 ล้านบาท

โดยแบ่งชำระ ค่าสิทธิ ARL ออกเป็น 7 งวด ได้แก่ งวดที่ 1-6 งวดละ 1,067.11 ล้านบาท และงวดที่ 7 จำนวน 5,328.47 ล้านบาท ภายในวันที่ 24 ตุลาคม ของแต่ละปี

2.การปรับวิธีชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุน จากเดิมจ่ายเมื่อเอกชนเปิดเดินรถไฟความเร็วสูงฯ โดยรัฐจะแบ่งจ่ายเป็นเวลา 10 ปี ปีละเท่าๆ กัน รวมเป็นจำนวน 149,650 ล้านบาท

เปลี่ยนเป็นจ่ายเป็นงวดตามความก้าวหน้าของงานก่อสร้างที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท. ) ตรวจรับ วงเงินไม่เกิน 120,000 ล้านบาท หรือการสร้างไปจ่ายไป

ขณะเดียวกันเอกชนต้องวางหลักประกันเพิ่มเติมจากสัญญาเดิม รวมเป็นจำนวน 160,000 ล้านบาท (สำหรับค่างานโยธาและค่าระบบรถไฟฟ้า) เพื่อรับประกันว่าจะก่อสร้างและเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงฯ ได้ภายใน 5 ปี

ทั้งนี้กรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้างจะทยอยตกเป็นของภาครัฐ (รฟท.) ทันทีตามงวดของการจ่ายเงิน

นายอนันต์ กล่าวต่อว่า ตามขั้นตอนหลังจากคณะกรรมการ รฟท. รับทราบแล้ว จะเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) และนำเข้า ครม. พิจารณาต่อไป

"ในช่วงที่มีการยุบสภาจะกระทบต่อโครงการฯจนเกิดความล่าช้าหรือไม่นั้น เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับทางอีอีซีเป็นผู้พิจารณา ซึ่งจะต้องดูเรื่องข้อกฎหมายด้วย ส่งผลให้สัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ล่าช้า เนื่องจากเป็นพื้นที่ทับซ้อนโครสร้างร่วมกับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย- จีน ระยะที่ 1อย่างไรก็ดีคาดว่าในปี 2569 จะได้เห็นโครงการนี้เดินหน้า เพราะเป็นโครงการที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอีอีซี" นายอนันต์ กล่าว

นอกจากนี้ในประเด็นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีแนวทางให้ทางเอกชนผู้รับสัมปทานเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะที่ 2 ที่เชื่อมต่อจังหวัดตราดนั้น เป็นเพียงแนวทางของกระทรวงคมนาคม

ถึงแม้ว่ารฟท.เคยมีการศึกษาแล้ว ซึ่งจะต้องพิจารณาดูอีกครั้ง โดยยืนยันว่าปัจจุบันยังไม่ได้มีการนำเงื่อนไขนี้ไปหารือกับเอกชน