KEY
POINTS
แหล่งข่าวจากบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (ซีพี) เปิดเผยว่า ภายหลังการประชุมหารือประเด็นการแก้ไขปัญหารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ร่วมกับกระทรวงคมนาคม, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ,การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และสำนักงานอัยการสูงสุด ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าจะมีการแก้ไขสัญญาหรือไม่ เนื่องจากต้องรอการนำเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน
สำหรับประเด็นที่อัยการสูงสุดมีความเห็นในที่ประชุมถึงเรื่องหลักประกัน มองว่าประเด็นหลักประกันที่ต้องวางใหม่ ควรเป็นประกันเฉพาะส่วนที่รัฐต้องจ่ายเงินให้กับเอกชนตามผลงานที่ส่งมอบเท่านั้น ไม่ควรต้องนำหลักประกันทั้งหมดมารวมไว้กับงานอื่น ๆ ที่มีหลักประกันเดิมครอบคลุมอยู่แล้ว เนื่องจากหลักประกันดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้รัฐเกิดความสบายใจในการจ่ายเงินตามงานที่ส่งมอบได้ต่อเนื่อง และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนกับโครงการอื่นที่ต้องรอการก่อสร้างเสร็จทั้งหมดก่อนจึงจะจ่ายเงิน ทำให้หากโครงการถูกทิ้งงาน รัฐจะไม่สามารถเข้าไปดำเนินการต่อได้ทันที เพราะยังไม่ถือเป็นทรัพย์สินของรัฐ
แหล่งข่าวจากบจ. เอเชีย เอราวัน กล่าวต่อว่า ยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะเดินหน้าโครงการ และยอมรับว่าต้องเตรียมความพร้อมแล้ว แต่หยุดชะงักมานานหลายปี คาดว่าโครงการจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในช่วงกลางปี 2569 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ครม.ด้วย
“ประเด็นการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินเพื่อดำเนินโครงการนี้ เบื้องต้นทางธนาคารผู้ให้กู้ทั้งจากประเทศญี่ปุ่นและ CDB ของประเทศจีน มีความเห็นว่า หากใช้วิธีการชำระเงินตามสัญญาเดิมจะไม่สามารถให้กู้ได้ โดยแนะนำว่าในส่วนของงานด้าน ระบบอาณัติสัญญาณ และงานก่อสร้างด้านโยธาจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการชำระเงิน” แหล่งข่าวจากบจ. เอเชีย เอราวัน กล่าว
ส่วนประเด็นข้อเสนอเพิ่มเติมจากกระทรวงคมนาคมเรื่องรถไฟความเร็วสูงส่วนต่อขยายเชื่อมจังหวัดตราด เบื้องต้นบริษัทมีความสนใจ แต่มีเงื่อนไขสำคัญที่ต้องพิจารณา คือ รูปแบบการลงทุนว่าจะเป็นการลงทุนแบบ PPP Net Cost ซึ่งรูปแบบนี้อาจจะยากไปสำหรับบริษัท เพราะเอกชนรับความเสี่ยงรายได้ทั้งหมด
นอกจากนี้รูปแบบการลงทุน PPP Gross Cost อาจจะดำเนินการได้ เพราะรัฐรับความเสี่ยงรายได้และจ่ายค่าบริหารจัดการให้เอกชน ทั้งนี้คงต้องรอการพิจารณาข้อเสนอและเงื่อนไขที่ชัดเจนอีกครั้งกับภาครัฐก่อนตัดสินใจลงทุน