‘พิพัฒน์’ โยนครม. ตัดสินแก้สัญญา ‘ไฮสปีด 3 สนามบิน’ หวั่นรัฐถูกฟ้อง

14 พ.ย. 2568 | 09:35 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ย. 2568 | 09:45 น.

‘พิพัฒน์’ ถกอีอีซี-ซีพี เคลียร์ปมแก้สัญญา ‘ไฮสปีด 3 สนามบิน’ โยน ครม.ชี้ขาด หลังไม่เห็นด้วยรูปแบบชำระเงินสร้างไปจ่ายไป เสี่ยงรัฐถูกฟ้อง ส่อขัดหลักพ.ร.บ.ร่วมทุน PPP ลุ้นอีอีซีชงบอร์ดไฟเขียวภายในเดือนนี้

KEY

POINTS

  • รมว.คมนาคม เตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้ตัดสินใจเรื่องการแก้ไขสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
  • กระทรวงคมนาคมกังวลว่าการแก้ไขสัญญาอาจทำให้รัฐเสี่ยงถูกเอกชนรายอื่นที่เคยเข้าร่วมประมูลฟ้องร้อง เนื่องจากเงื่อนไขโครงการเปลี่ยนแปลงไป
  • เอกชนคู่สัญญายืนยันขอแก้ไขสัญญา โดยอ้างผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และสงคราม
  • อัยการสูงสุดให้ความเห็นว่าสัญญาเดิมไม่ระบุให้สถานการณ์โควิด-19 หรือสงครามเป็นเหตุสุดวิสัยที่สามารถนำมาอ้างเพื่อขอแก้ไขสัญญาได้

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2568 หลังจากเป็นประธานการประชุมหารือประเด็นการแก้ไขปัญหาความล่าช้าของโครงการรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) หรือ ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 2.24 แสนล้านบาทโดยมีคู่สัญญาระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด หรือซีพี สัญญาสัมปทาน 50 ปี นั้น 

สำหรับการประชุมในครั้งนี้มีการหารือร่วมกันหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ,การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.),บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด หรือ ซีพี และสำนักงานอัยการสูงสุด ฯลฯ โดยที่ประชุมในวันนี้ เบื้องต้นทางเอกชนยังคงยืนยันที่จะขอแก้ไขสัญญา โดยให้เหตุผลว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของสถานการณ์การแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์สงครามในหลายภูมิภาค 

ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ไม่ได้ขัดข้องที่จะแก้ไขสัญญาและต้องการให้โครงการสำเร็จสามารถเดินหน้าต่อไปได้ 
 

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคมมีความกังวลและต้องการทบทวนถึงการแก้ไขสัญญาโครงการไฮสปีด 3 สนามบิน ถึงการเปลี่ยนรูปแบบการชำระเงินแบบสร้างไปจ่ายไป เนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่ภายใต้หลักการความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) เกรงว่าอาจขัดต่อหลักการ PPP 

‘พิพัฒน์’ โยนครม. ตัดสินแก้สัญญา ‘ไฮสปีด 3 สนามบิน’ หวั่นรัฐถูกฟ้อง

“ยืนยันว่าเราไม่เห็นด้วยกับแก้ไขสัญญา รวมถึงการเปลี่ยนรูปแบบการชำระเงินแบบสร้างไปจ่ายไปตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งหากมีการแก้ไขสัญญาก็มีความเสี่ยงที่รัฐจะถูกฟ้องจากเอกชนรายที่ 2 ที่เข้าประมูลในโครงการนี้ เนื่องจากอาจมองว่าการแก้ไขสัญญาทำให้เงื่อนไขของโครงการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อีกทั้งเป็นการเปิดช่องให้เอกชนรายอื่นขอยื่นแก้ไขสัญญาในกรณีที่โครงการอื่นๆเกิดปัญหาได้” นายพิพัฒน์ กล่าว 

ขณะเดียวกันจากการหารือในครั้งนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดได้ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะในการพิจารณาว่า ข้อสัญญาที่ทำไว้แต่แรกนั้นมีการระบุชัดเจนว่า สถานการณ์การแพร่บาดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือการเกิดปัญหาสงครามต่างๆ ไม่ถือเป็นเหตุผ่อนผันหรือเหตุสุดวิสัยที่สามารถนำมาอ้างเพื่อขอแก้ไขสัญญาได้
 

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับการตัดสินใจเรื่องการแก้ไขสัญญา ยืนยันว่าไม่สามารถชี้ขาดเองได้ เบื้องต้นต้องรอทางอีอีซีสรุปผลการประชุมในครั้งนี้เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอรืดอีอีซี) พิจารณาภายในเดือนนี้ จากนั้นจะนำเรื่องนี้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบโดยเร็วที่สุด

‘พิพัฒน์’ โยนครม. ตัดสินแก้สัญญา ‘ไฮสปีด 3 สนามบิน’ หวั่นรัฐถูกฟ้อง

“สาเหตุที่ไม่สามารถตัดสินใจได้นั้น เนื่องจากโครงการไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง เช่น สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง ซึ่งจะต้องขอความเห็นชอบร่วมกัน” นายพิพัฒน์ กล่าว 

อย่างไรก็ดีหากที่ประชุมครม. มีมติไม่เห็นชอบกับการแก้ไขสัญญาโครงการดังกล่าว เบื้องต้นทางกระทรวงคมนาคมจะเชิญเอกชนผู้ประกอบการมาหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางการเดินหน้าโครงการต่อไป

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่กระทรวงคมนาคมเพิ่มออปชั่นเสริมให้ภาคเอกชนพิจารณา โดยเสนอให้มีการลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมจังหวัดตราด เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนมาใช้บริการรถไฟ 3 สนามบิน และเพิ่มแรงจูงใจให้สายการบินเลือกใช้สนามบินอู่ตะเภาแทนสนามบินหลักอื่น ๆ ซึ่งภาคเอกชนได้รับฟังข้อเสนอดังกล่าวแต่ยังไม่ได้ให้ความเห็นใด ๆ กลับมา