KEY
POINTS
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (25 พ.ย.2568) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบดำเนินมาตรการบัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวันสำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์-ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์-รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม หรือรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – คลองบางไผ่ ของการรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (รฟม.)
ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวมีระยะเวลาการดำเนินมาตรการบัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ถึง 30 พฤศจิกายน 2569 เนื่องจากจากมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568
ส่วนของรถไฟชานเมืองสายสีแดงนั้น ได้มอบหมายให้รฟท.ขอรับจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อชดเชยรายได้ส่วนต่างค่าโดยสารตามจริงตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรับ พ.ศ.2561
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมประเมินผลดำเนินมาตรการเป็นรายปี โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น ปริมารผู้โดยสารและรายได้ ซึ่งจะส่งผลต่อภาระการชดเชยจากภาครัฐ และคำนึงถึงความสะดวกสบายในการเดินทางและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน เป็นต้น
ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมได้คาดการณ์สูญเสียรายได้ของรถไฟฟ้า 2 สาย จากมาตรการรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน รวม 172 ล้านบาท แบ่งเป็น สูญเสียรายได้จากรถไฟสายสีแดง 142 ล้านบาท และสูญเสียรายได้จากรถไฟสายสีม่วง 30 ล้านบาท ซึ่งลดลง 229 ล้านบาท
จากมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่สูญเสียรายได้รถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย รวม 401 ล้านบาท แบ่งเป็น สูญเสียรายได้จากรถไฟสายสีแดง 129 ล้านบาท และสูญเสียรายได้จากรถไฟสายสีม่วง 272 ล้านบาท
สำหรับบัตรโดยสารที่ใช้ร่วมมาตรการรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน เฉพาะบัตรมาตรฐาน EMV Contactless สำหรับกลุ่มบุคคลทั่วไป และกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ประกอบด้วย
1.บัตร MANGMOOM EMV (กลุ่มบุคคลทั่วไป และกลุ่มนักเรียน นักศึกษา)
2. บัตร MRT EMV (กลุ่มบุคคลทั่วไป และกลุ่มนักเรียน นักศึกษา)
3.บัตร EMV Contactless อื่น (มีเฉพาะกลุ่มบุคคลทั่วไป)
ด้านอัตราค่าโดยสารตาม บัตรมาตรฐาน EMV Contactless ดังนี้
1.บุคคลทั่วไป ในอัตราค่าโดยสารปกติสูงสุด 40 บาทต่อวัน ไม่จำกัดจำนวนเที่ยวต่อวัน
2.นักเรียน นักศึกษา ได้ลดหย่อน 10% สูงสุด 30 บาทต่อวันไม่จำกัดจำนวนเที่ยวต่อวัน
ทั้งนี้หากค่าโดยสารรวมทั้งวันต่ำกว่า 40 บาท หรือ 30 บาท (แล้วแต่กรณี) ให้จัดเก็บค่าโดยสารตามจริง อย่างไรก็ดีตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ธันวาคม 2568 บัตร MRT EMV นักเรียน นักศึกษา จัดเก็บค่าโดยสารในสายสีม่วง ในอัตราลดหย่อนร้อยละ 10 จัดเก็บค่าโดยสารในสายสีแดง ในอัตราบุคคลทั่วไป และทั้ง 2 สายมีอัตราค่าโดยสารสูงสุด 40 บาท/วัน
ส่วนหลักการคิดค่าโดยสารและคืนเงิน โดยมาตรการนี้ใช้หลักการกำหนดเพดานอัตราค่าโดยสารสูงสุดต่อวัน (Daily Cap) เป็นรายบัตร โดยจะจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราปกติตามประเภทบัตร ณ วันเดินทาง และจะมีการคืนเงินส่วนเกิน (Refund) ภายหลัง ดังนี้
1. ค่าโดยสารจะถูกจัดเก็บในอัตราปกติตามการเดินทางจริงของผู้โดยสาร
2. หากค่าโดยสารรวมในวันที่เดินทาง เกินอัตราเหมาจ่ายรายวัน (40 บาท หรือ 30 บาท แล้วแต่กรณี) ระบบจะคืนเงินส่วนเกินเข้าบัตรที่ใช้ในการเดินทาง ภายใน 3 วันทำการ
3. หากค่าโดยสารรวมในวันที่เดินทาง ไม่เกินอัตราเหมาจ่ายรายวัน (40 บาท หรือ 30 บาท แล้วแต่กรณี) จะจัดเก็บค่าโดยสารตามจริง
เงื่อนไขการเดินทาง
1. การเดินทางที่มีข้อมูลไม่ครบถ้วน (Incomplete Trip) เช่น ไม่ใช้บัตร EMV Contactless ใบเดียวกันในการแตะเข้าและแตะออกจากระบบยังคงได้รับสิทธิค่าโดยสารตามมาตรการสำหรับการเดินทางที่มีข้อมูลครบถ้วน (Complete Trip) ในวันนั้นและให้ชำระค่าธรรมเนียม/ค่าปรับ Incomplete Trip ในอัตราค่าโดยสารสูงสุดที่เรียกเก็บ
2. กรณีอยู่ในพื้นที่ชำระเงินแล้ว (Paid Area) เกินระยะเวลาที่กำหนด (Overstay) ยังคงได้รับสิทธิค่าโดยสารตามมาตรการในวันนั้นและให้ชำระค่าธรรมเนียม/ค่าปรับ Overstay ในอัตราค่าโดยสารสูงสุดที่เรียกเก็บ
3. บัตรถูกปฏิเสธการชำระเงิน (Deny List) จะไม่ได้รับสิทธิค่าโดยสารตามมาตรการสำหรับสายที่เกิดรายการ Deny List ในวันนั้นและรายการทั้งหมดในวันนั้นของสายที่เกิดรายการ Deny List ให้ชำระค่าโดยสารในอัตราปกติตามประเภทบัตร
อย่างไรก็ดีอัตราค่าโดยสารสูงสุดที่เรียกเก็บ และระยะเวลาสูงสุดที่ให้อยู่ในพื้นที่ Paid Area ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่รถไฟชานเมือง สายสีแดง และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) กำหนด