'พิพัฒน์' เปิดช่องซีพี ดันออปชั่นใหม่ สร้าง 'ไฮสปีด เฟส 2 เชื่อมตราด

22 ต.ค. 2568 | 10:08 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ต.ค. 2568 | 10:13 น.

'พิพัฒน์' เบรกแก้สัญญา 'ไฮสปรด 3 สนามบิน' เสี่ยงรัฐถูกฟ้อง จ่อถกซีพี ปลุกออปชั่นเสริม เปิดช่องเอกชนรายเดิม สร้างส่วนต่อขยายไฮสปีด เฟส 2 เชื่อมตราด คาดได้ข้อสรุปใน 4 เดือน

KEY

POINTS

  • กระทรวงคมนาคมเตรียมเจรจากับซีพี (CP) เพื่อเสนอ "ออปชั่นใหม่" ในการสร้างรถไฟความเร็วสูงเฟส 2 ส่วนต่อขยายจากอู่ตะเภาไปยังจังหวัดตราด
  • การขยายเส้นทางมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและจำนวนผู้โดยสารของโครงการเดิม โดยเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวและเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก
  • ข้อเสนอส่วนต่อขยายนี้จะไม่แก้ไขสัญญาเดิมเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมาย แต่จะดำเนินการในรูปแบบสัญญาใหม่หรือสัญญาต่อเนื่องที่แยกออกมาต่างหาก

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการแก้ไขสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง–สุวรรณภูมิ–อู่ตะเภา) นั้น

ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อรับฟังความคิดเห็นและประเมินศักยภาพของโครงการในเชิงพื้นที่

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า กระทรวงฯ จะมีการเจรจากับเอกชนรายเดิม (ซีพี ) ผู้รับสัมปทานโครงการไฮสปีีด 3 สนามบิน เพื่อเสนอแนวทางออปชั่นใหม่ เพื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนที่รัฐจะได้รับและสิ่งที่ภาครัฐสามารถสนับสนุนเพิ่มเติมได้

ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของเส้นทางส่วนต่อขยาย ทั้งในด้านระยะทาง ต้นทุนลงทุน ผลตอบแทน และผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้ว

"กระทรวงคมนาคมตั้งเป้าคาดว่าแนวทางนี้จะได้ข้อสรุปภายใน 4 เดือน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเราต้องทำการหารือให้จบก่อนที่จะครบอายุรัฐบาลในช่วง 4 เดือนนี้” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ยืนยันถึงแนวทางการต่อขยายนี้จะไม่กระทบต่อสัญญาฉบับเดิม ที่ทำไว้ระหว่างภาครัฐกับเอกชนผู้รับสัมปทาน เพราะการแก้ไขสัญญาอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงทางกฎหมาย และเปิดช่องให้เกิดการฟ้องร้องได้

“เราจะไม่แตะต้องสัญญาเดิม เพราะหากแก้ไขแม้แต่เล็กน้อย อาจกลายเป็นการผิดสัญญา และทำให้ผู้ประมูลรายอื่นที่เคยแพ้การประมูลสามารถอ้างสิทธิ์ฟ้องร้องได้ทันที” นายพิพัฒน์ กล่าว

อย่างไรก็ดีการดำเนินการใดๆ ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานอัยการสูงสุดก่อนทุกครั้ง

ส่วนข้อเสนอส่วนต่อขยายใหม่นี้ จะถูกกำหนดให้เป็น ออปชั่นเสริมหรือออปชั่นใหม่ ที่แยกออกจากสัญญาเดิมโดยสิ้นเชิง ซึ่งอาจดำเนินการในรูปแบบของสัญญาใหม่ หรือสัญญาต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับผลการหารือและรูปแบบความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชนในระยะต่อไป

สำหรับแนวคิดออปชั่นเสริม เป็นการขยายเส้นทางโครงการออกไปยังจังหวัดตราด ซึ่งถือเป็นส่วนต่อขยายใหม่จากปลายทางเดิมที่สนามบินอู่ตะเภา จังหวัดระยอง

ทั้งนี้แนวคิดดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพและความคุ้มค่าของโครงการ หลังพบว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน อาจมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและการเงินไม่เพียงพอ เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารอาจไม่ถึงเป้าหมาย รวมถึงเอกชนผู้รับสัมปทานประสบปัญหาด้านเงินทุนในการดำเนินโครงการ

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า แนวคิด ออปชั่นเสริม จะเป็นการต่อขยายเส้นทางจากอู่ตะเภาไปยังจังหวัดระยอง จันทบุรี และสิ้นสุดที่จังหวัดตราด เพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภาคตะวันออก อาทิ เกาะช้าง และพื้นที่เศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เข้ากับระบบขนส่งหลักของประเทศ

“หากมีการต่อขยายเส้นทางไปจนถึงตราด จะทำให้รถไฟความเร็วสูงไม่ใช่แค่ระบบขนส่งระหว่างสนามบินเท่านั้น แต่จะกลายเป็นโครงข่ายหลักของการเดินทางและการท่องเที่ยวในภาคตะวันออก ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารและสร้างความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจให้โครงการได้จริง” นายพิพัฒน์ กล่าว

นอกจากนี้การขยายเส้นทางดังกล่าวจะช่วยสร้างแรงจูงใจใหม่ให้กับทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ ขณะเดียวกันยังส่งเสริมให้การเดินทางระหว่างเมืองและสนามบินทั้งสามมีความต่อเนื่อง ครบวงจรมากยิ่งขึ้น