'อีอีซี' มองต่าง แก้สัญญา 'ไฮสปีด 3 สนามบิน' ไม่ขัดกฎหมาย

03 ต.ค. 2568 | 01:45 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ต.ค. 2568 | 01:50 น.

'อีอีซี' เห็นต่าง แก้สัญญา 'ไฮสปีด 3 สนามบิน' ไม่ขัดกฎหมาย หลังปรับเงื่อนไขสร้างไปจ่ายไป ยันอัยการสูงสุดตรวจสอบแล้ว ปัดเอื้อประโยชน์ให้เอกชน

KEY

POINTS

  • อีอีซียืนยันว่าการแก้ไขสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินไม่ขัดต่อหลักกฎหมาย และร่างสัญญาใหม่ได้ผ่านการพิจารณาจากอัยการสูงสุดแล้ว
  • สาระสำคัญของการแก้ไขคือการปรับรูปแบบการจ่ายเงินสนับสนุนจากรัฐเป็นแบบ "สร้างไปจ่ายไป" ตามความคืบหน้าของงาน แทนการจ่ายเงินก้อนเดียวหลังสร้างเสร็จ
  • รูปแบบใหม่กำหนดให้เอกชนต้องวางหลักประกันเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการทิ้งงาน และกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้างจะทยอยตกเป็นของรัฐตามงวดเงินที่จ่าย
  • ขั้นตอนสุดท้ายขึ้นอยู่กับการรถไฟฯ ที่จะเสนอสัญญาใหม่ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งต้องรอนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐบาลอีกครั้ง

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี เปิดเผยว่า สำหรับการแก้ไขสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ) หรือไฮสปีด 3 สนามบิน วงเงิน 2.24 แสนล้านบาท โดยมีคู่สัญญาระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัทเอเชีย เอราวัณ จำกัด (ซีพี) นั้น

ทั้งนี้ยืนยันว่าการแก้ไขสัญญาดังกล่าวไม่ได้ขัดต่อหลักกฎหมาย ขณะนี้ได้มีการเจรจาร่วมกับเอกชนในการปรับรูปแบบการสนับสนุนค่างานโยธาของรัฐบาล

อย่างไรก็ดีได้มีการปรับนั้นเป็นรูปแบบการสร้างไปจ่ายไป โดยรัฐจ่ายเงินสนับสนุนเป็นงวดตามความก้าวหน้าของงานที่ รฟท.ตรวจรับ

ขณะที่กรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้างจะทยอยตกเป็นของรัฐทันทีตามงวดการจ่ายเงิน จากเดิมกำหนดให้เอกชนลงทุนสร้างเสร็จและรัฐจ่ายเงินสนับสนุน

“การปรับแก้สัญญาร่วมทุนนั้น ไม่ได้มีเงื่อนไขข้อไหนขัดต่อหลักกฎหมาย เพราะตัวสัญญาที่ปรับแก้ได้ผ่านการพิจารณาจากอัยการสูงสุดแล้ว โดยเฉพาะประเด็นสร้างไปจ่ายไป ซึ่งไม่ได้เอื้อประโยชน์เอกชน เพราะมีการกำหนดให้เอกชนวางหลักประกันเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้กระทบในกรณีหากมีการทิ้งงาน” แหล่งข่าวจาก สกพอ.กล่าว  

สำหรับสถานะของการพิจารณาร่างสัญญาฉบับใหม่ ปัจจุบันได้ผ่านการพิจารณาจากอัยการสูงสุด และได้ส่งตอบกลับให้ รฟท.พิจารณาข้อเสนอแนะแล้ว  

ทั้งนี้ขั้นตอนต่อไปเป็นอำนาจของ รฟท. ที่จะเสนอสัญญาฉบับใหม่ให้ ครม.พิจารณาหรือไม่ หากเป็นไปตามนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้สัญญาเป็นสร้างไปจ่ายไป ก็คงต้องรอดูนโยบายออกมาเป็นทางการและดำเนินการตามที่รัฐบาลกำหนด